วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Hot Tub Time Machine



แนวหนัง : ตลก วิทยาศาสตร์ ๑๘+ (ทะลึ่ง ลามก)

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ชาย ๓ คน เป็นเพื่อนสนิทกัน ตั้งแต่สมัยเรียนถึงปัจจุบัน (2010) อดัม เพิ่งถูกแฟนทิ้ง นิค ต้องทำงานที่เขาไม่ชอบ ในร้านสำหรับดูแลสุนัข ลู คนที่ไม่มีใครรัก แม้กระทั่งครอบครัวของตัวเอง อดัม ได้รับโทรศัพท์จากนิค ว่า ลูพยายามฆ่าตัวตาย แต่มีคนช่วยไว้ได้ทัน เขาจึงรีบไปพบเพื่อนๆ ที่โรงพยาบาล อดัมกับนิค ได้ตกลงกันที่จะชวนลู
ให้ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันที่ เค.วัลเล่ย์ รีสอร์ท

     อดัม นิค ลู และ เจค็อบ หลานชายวัย ๒๐ ปีของอดัม นั่งรถไปด้วยกัน จนถึงเค.วัลเล่ย์ อดัมจำได้ว่า เขาเคยบอกเลิกกับแฟนเก่าที่นั่น ทั้งสี่คนต้องพบกับ บริกรเจ้าอารมณ์ ที่ไม่มีแขนขวา และ เมื่อประตูหลังของห้องพักเปิดออก ก็พบว่า มีอ่างอาบน้ำร้อนที่พร้อมใช้งานอยู่ด้วย ทั้งสี่คนลงไปแช่ในอ่าง พร้อมกับดื่มเหล้ากันจนเมา และ ทำเครื่องดื่มของรัสเซียหกลงไป ถูกแผงควบคุมการทำงานของอ่าง แล้วทั้งสี่คนก็เมาหลับไปทั้งคืน พอตื่นขึ้นมา ทั้งสี่คนก็ออกไปเล่นสกีด้วยกัน อดัม นิค และ ลู รู้สึกเหมือนได้กลับเป็นหนุ่มอีกครั้ง แต่แล้วทั้งสี่คนก็ต้องประหลาดใจ เพราะทุกคน และ ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ดูเหมือนย้อนยุคกลับไปปี 1986

     เมื่อคิดได้ ทั้งสี่คนก็รีบกลับเข้าห้องพัก และ ถกเถียงกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่นานนัก ก็มีเสียงเคาะประตู เมื่อเปิดออกก็พบ บริกรคนเดิม แต่คราวนี้ เขามีแขนทั้ง ๒ ข้าง แถมยังเป็นคนอารมณ์ดีอีกด้วย ทั้งสี่คนจึงคิดออก ว่า ต้องเป็นเพราะ อ่างอาบน้ำร้อนย้อนเวลา อย่างแน่นอน นอกจากนั้น ทั้งสี่คนยังได้เห็น เงาตัวเองในกระจก เป็นเด็กหนุ่มเหมือนเมื่อปี 86 ยกเว้นเพียง เจค็อบ ที่ยังดูเหมือนเดิม ในระหว่างที่ทั้งสี่คน กำลังถกเถียงกัน ก็มี ช่างซ่อมอ่างอาบน้ำร้อน เดินเข้ามาในห้อง ช่างฯได้พูดเป็นนัย ราวกับว่า เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะหายตัวไป

     อดัม ชวนให้เพื่อนๆคิด ว่า เมื่อปี 1986 ใครเคยทำอะไรไว้บ้าง ก็จะต้องทำให้เหมือนเดิม ไม่เช่นนั้น จะส่งผลกระทบต่ออนาคตได้ (Butterfly Effect) ต่างคนจึงแยกย้ายกันไป เพื่อทำในสิ่งที่เคยทำซ้ำอีกครั้ง อดัมไปหาเจนนี่ในห้องพัก เพื่อจะบอกเลิกกับเธออีกครั้ง แต่แล้วเขากลับชวนเธอ ไปดูคอนเสิร์ทด้วยกัน ลูเดินตามหาเบลน คนที่เคยชกเขา จึงถูกชกอีกครั้ง และ ยังต้องท้าให้เบลนกับพวกรวม ๖ คน ไปรุมชกเขาตอนเที่ยงคืนอีก นิคต้องจำใจ มีเพศสัมพันธ์กับสาวคนหนึ่ง เขาทำไปร้องไห้ไป เพราะไม่อยากนอกใจภรรยา ซึ่งในตอนนี้เขากับเธอยังไม่ได้เจอกัน และ เธอก็มีอายุเพียง ๙ ขวบเท่านั้น มีสาวคนหนึ่งเข้ามาคุยกับลู และ ชวนให้ลูกับเจค็อบ ไปที่ห้องของเธอ อดัมได้พบกับ เอพริล หญิงสาวแปลกหน้าที่ร่าเริง ในขณะที่ เจนนี่กำลังเต้นอยู่ในคอนเสิร์ท ลูอยากนอนกับสาว แต่เจค็อบไม่เอาด้วย จึงเดินหนีไปหาอดัม


     เมื่อทั้งสี่คนกลับเข้าห้องพัก นิคกับลู ได้ต่อว่าอดัม ที่ไม่ยอมบอกเลิกกับเจนนี่ ทั้งคู่รู้สึกโกรธ จึงคิดจะเปลี่ยนอดีตบ้าง ต่อมา อดัมได้พบเจนนี่อีกครั้ง เธอได้บอกเลิกกับเขา อดัมรู้สึกเสียใจ และ คิดว่า เขาควรเป็นฝ่ายบอกเลิกต่างหาก เขากลับไปห้องพัก กินเห็ดเมา และ สูบกัญชา จนมึนเมา เจค็อบมาเห็นเข้า จึงไม่พอใจ ทันใดนั้น ช่างฯก็โผล่มา ร่างของเจค็อบเริ่มกระพริบ เหมือนกับจะหายไป แล้วช่างฯก็หายตัวไปอีกเช่นเคย ต่อมา อดัมก็ออกไปนอนอยู่บนพื้นกลางแจ้ง ที่ปกคลุมด้วยหิมะ เอพริลเดินเข้ามาคุยด้วย เธอบอกว่า เธอจะต้องขึ้นรถภายในอีก ๒ ชั่วโมงข้างหน้า จึงชวนอดัมให้ใช้เวลาที่เหลือด้วยกัน แล้วพาเขาเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง อดัมได้เล่าเรื่องราวชีวิตของเขาให้เธอฟัง จนกระทั่ง ได้ยินเสียงเจ้าของบ้านกลับมา เอพริลจึงรีบพาอดัมหลบออกไป

     เจค็อบ ได้พบกับช่างฯ ซึ่งกำลังนั่งอยู่ข้าง อ่างอาบน้ำร้อน ช่างฯบอกให้เจค็อบรู้ ว่า การที่อ่างฯทำงานผิดปกติ ก็เพราะมีเครื่องดื่มของรัสเซียหกลงไป หลังจากที่ ลูเล่นการพนันจนแพ้ นิคได้ระบายความในใจกับลู ว่า ภรรยาของเขาแอบนอกใจ จากนั้น นิคก็ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที เหมือนกับที่เขาเคยทำมาก่อน อดัมกับเอพริลก็ไปดูด้วย ส่วนลูก็ไปให้ถูกรุมชกตามนัด เมื่อ อดัม นิค และ เจค็อบ นึกขึ้นได้ ก็ออกตามหาลู จบพบลูนั่งเมาอยู่บนหลังคา ลูน้อยใจเพื่อนๆ และ หกล้ม เพื่อนๆคว้าไว้ได้ แต่ในขณะที่ ทั่งสี่คนกำลังจะหล่นลงไปด้วยกัน บริกรคนเดิมก็มาช่วยเอาไว้ได้ทัน

     เจค็อบ ได้บอกเรื่อง อ่างฯกับเครื่องดื่มฯ ให้อีกสามคนรู้ แต่เบลนขโมยเครื่องดื่มฯไปแล้ว เพราะเบลนเกลียดต่างชาติ ทั้งสี่คนจึงจะต้องไปเอาคืน อดัมกับนิค แอบไปค้นห้องของเบลน แต่ก็ไม่พบกระป๋องเครื่องดื่มฯ เคลลี่ (พี่สาวของอดัม แม่ของเจค็อบ) ได้มาพบลูโดยบังเอิญ แล้วทั้งคู่ก็มีอะไรกัน นิคแอบโทร.ไปต่อว่าภรรยา ซึ่งยังเป็นแค่เด็ก ๙ ขวบ เรื่องที่แอบนอกใจเขา เด็กหญิงได้แต่ตกใจ และ งง อดัมกับเจค็อบ รีบห้ามไว้ แล้วพากันไปหาลู เมื่อเจค็อบได้เห็นว่า ลูกำลังมีอะไรกับแม่ของเขา จึงโมโห และ กระโดดเข้าใส่ แต่แล้ว เจค็อบก็หายวับไปกับตา ลูจึงรู้ว่า เจค็อบเป็นลูกของเขานั่นเอง อดัมกับนิค จึงออกไปรอหน้าห้อง ปล่อยให้ ลูกับเคลลี่ดำเนินการต่อจนเสร็จ เจค็อบจึงได้กลับมา

     หลังจากนั้น ทั้งสี่คนก็ไปหาเบลน และ ชกต่อยกัน จนสามารถชิงเครื่องดื่มฯ กลับคืนมาได้ แล้วจึงรีบหนีกลับไป แต่ก่อนจะถึงห้องพัก ทั้งสี่คนก็ได้เห็น บริกรคนเดิมถูกรถเฉี่ยว จนแขนขวาขาด พวกของเบลนก็ตามมาถึงพอดี ทั้งสี่คนจึงรีบหนี กลับเข้าห้องพัก เทเครื่องดื่มฯลงบนแผงควบคุม แล้วกระโดดลงอ่างฯ แต่ลูเปลี่ยนใจไม่ยอมกลับไปด้วย เมื่อทั้งสามคนกลับสู่ปัจจุบัน ก็พบกระดาษที่ลูเขียนข้อความไว้ ให้เปิดดูวีดีโอ ลูได้แสดงให้เห็น ว่า ปัจจุบันของพวกเขา ได้เปลี่ยนไปแล้ว

     ลู ได้กลายเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของ ลูเกิ้ล (Lougle) ที่เขาชิงลงมือสร้างตัดหน้า กูเกิ้ล (Google) และ ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเคลลี่ อย่างมีความสุข เมื่อดูวีดีโอจบ ก็มีเสียงเคาะประตู พอเปิดออกดู ก็ได้เห็นบริกรคนเดิม ที่ยังมีแขนอยู่ครบทั้ง ๒ ข้าง ทั้งสามคนแสดงความรู้สึกแปลกใจ บริกรจึงเล่าให้ฟัง ว่า พวกของเบลนช่วยนำตัวกับแขนของเขา ไปส่งโรงพยาบาลได้ทัน หมอจึงสามารถต่อแขนให้เขาได้ แล้วบริกรก็ได้มอบแผนที่ เส้นทางไปบ้าน ให้ทั้งสามคน ตามคำสั่งของลู อดัมกลับไปพบว่า เขาได้อยู่ในบ้านหลังใหญ่กับเอพริล นิคกลับไปพบว่า เขาได้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ และ ภรรยาของเขาไม่ได้นอกใจ เพราะเคยมีคนโรคจิต (นิค) โทร.ไปด่าเธอ เมื่อตอนอายุ ๙ ขวบ อดัม นิค ลู และ เจค็อบ จึงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย MVD ภาพคมชัด เสียงดี

วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Iron Man 2



แนวหนัง : บู๊ ตื่นเต้น วิทยาศาสตร์

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างปานกลาง (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     รายการโทรทัศน์ของรัสเซีย กำลังนำเสนอข่าวของ โทนี่ สตาร์ค ที่เปิดเผยว่า เขาคือ Iron Man ในขณะที่พ่อของ ไอแวน กำลังใกล้ตายเต็มที พ่อของเขาพูดก่อนสิ้นใจ ว่า คนที่อยู่ตรงนั้น (โทนี่) ควรจะเป็นเขา ไอแวนจึงสร้างอาวุธ จากแบบแปลนเตาปฏิกรณ์อาร์ค ที่พ่อของเขาร่วมออกแบบกับ พ่อของโทนี่

     ๖ เดือนต่อมา หลังจากที่ โทนี่ กล่าวเปิดงาน Stark Expo เสร็จแล้ว เขาได้ตรวจเลือดของตัวเอง พบว่า มีระดับมลพิษในเลือด 19% หลังจากนั้น โทนี่ก็ได้รับหมายเรียกตัว ไปให้วุฒิสมาชิกสอบสวน เพราะรัฐบาลต้องการชุด Iron Man โดยได้เชิญ จัสติน คู่แข่งของโทนี่ มาช่วยยืนยันว่า ชุด Iron Man เป็นอาวุธร้ายแรง แต่โทนี่ก็ใช้ความสามารถที่เหนือกว่า ตอบโต้กลับ และ ไม่ยอมมอบให้

     โทนี่ ต้องดื่มยา ช่วยบรรเทาอาการป่วย ที่เกิดจากมลพิษในเลือด แต่ระดับมลพิษในเลือด ก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะแกนพลังงานจากธาตุพาลาเดียม เสื่อมเร็วจากการใช้ชุด Iron Man สิ่งที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ กำลังจะฆ่าเขาเสียเอง เขาจึงตัดสินใจแต่งตั้ง เพปเปอร์ เลขาส่วนตัว และ ผู้หญิงที่เขารัก ให้เป็น CEO แทนเขา เพปเปอร์ได้พา นาตาลี พนักงานใหม่มาพบโทนี่ เขาชอบเธอทันทีที่เห็น จึงจ้างให้นาตาลี เป็นเลขาส่วนตัวของเขา

     โทนี่ ไปงานแข่งรถ และ ลงไปขับรถแข่งด้วย ไอแวนเดินลงไปในสนามแข่ง แล้วใช้อาวุธทำลายรถแข่ง ทำให้โทนี่ได้รับบาดเจ็บ เพปเปอร์รีบเอาชุด Iron Man มาให้โทนี่ จึงต่อสู้กัน โทนี่ชนะ ไอแวนถูกตำรวจจับ แต่ชุด Iron Man ก็เสียหายไม่น้อย หลังจากนั้น โทนี่ก็ได้ไปเยี่ยมไอแวน เพื่อสอบถามเรื่อง แบบแปลนเตาปฏิกรณ์อาร์ค ไอแวนได้พูดถึงพ่อของเขา ซึ่งโทนี่ไม่เคยรู้จัก ต่อมา ไอแวนก็ได้รับความช่วยเหลือจากจัสติน ให้หนีออกจากห้องขัง โดยให้ไอแวนช่วยพัฒนาอาวุธ เป็นการแลกเปลี่ยน

     ในงานปาร์ตี้ ฉลองครบรอบวันเกิดของโทนี่ เขาสวมชุด Iron Man และ กำลังเมา (เพราะคิดว่า เขากำลังจะตาย) เพปเปอร์บอกให้เลิกก็ไม่ยอม เจมส์ เพื่อของเขา ซึ่งเป็นทหาร จึงเข้าไปสวมชุด Iron Man สีเงินในห้องของโทนี่ แล้วออกมาห้ามโทนี่ จึงเกิดการต่อสู้กัน แล้วในที่สุด เจมส์ก็จากไป พร้อมกับนำชุด Iron Man สีเงิน ไปส่งให้กองทัพ ตามคำสั่งที่ได้รับมาด้วย วันรุ่งขึ้น ดร.ฟิวรี่ ผ.อ.หน่วยชิลด์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับพ่อของโทนี่ ได้มาคุยกับเขา พร้อมกับเปิดเผย ว่า นาตาลีคือลูกน้องที่เขาส่งมา เฝ้าดูโทนี่ นาตาลีได้ฉีดยาให้โทนี่ เพื่อช่วยลดอาการจากมลพิษในเลือด
ดร.ฟิวรี่ได้เล่าให้เขาฟัง ว่า พ่อของไอแวน ต้องการขายแบบแปลนเตาปฏิกรณ์อาร์ค ให้กับโซเวียต จึงถูกพ่อของโทนี่ไล่ออก หลังจากนั้น ดร.ฟิวรี่ได้มอบกล่องใส่ของ ของพ่อโทนี่ให้เขา ก่อนจะจากไป


     ไอแวน ได้เปลี่ยนชุดรบ ที่จัสตินสร้างไว้ ให้เป็นหุ่นยนต์รบ ทางกองทัพก็ได้จ้างให้จัสติน ติดอาวุธให้ชุด Iron Man สีเงิน โทนี่ได้เปิดดูวีดีโอ ที่พ่อของเขาเคยบันทึกไว้ จนได้พบกับข้อความสุดท้าย ที่พ่อได้ฝากไว้ให้เขา หลังจากนั้น โทนี่ก็เดินทางไปหาเพปเปอร์ เธอยังโกรธ และ ได้ต่อว่าเขา ที่ทำตัวเหมือนเด็ก ไม่ยอมรับผิดชอบการงาน ก่อนกลับ โทนี่ได้เห็นต้นแบบ Stark Expo ของพ่อเขา จึงนำกลับไปด้วย แล้วทำการวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์ จนได้พบโครงสร้างของธาตุชนิดใหม่ ที่สามารถใช้แทนพาลาเดียมได้ โทนี่จึงประดิษฐ์อุปกรณ์ และ สร้างธาตุชนิดนี้ขึ้นจนสำเร็จ

     จัสติน กำลังกล่าวเปิดงาน แสดงหุ่นยนต์รบสำหรับทหาร และ ชุด Iron Man สีเงิน ซึ่งสวมโดยเจมส์ โทนี่ในชุด Iron Man ก็เหาะมาร่วมบนเวทีด้วย ทันใดนั้น ไอแวนก็เข้าควบคุม การทำงานของหุ่นยนต์รบทั้งหมด รวมทั้งชุด Iron Man สีเงินด้วย Iron Man จึงรีบเหาะหนี เพื่อล่อให้ห่างจากฝูงชน การต่อสู้บนท้องฟ้า ได้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ฝูงชนแตกตื่น วิ่งหนีกันอลหม่าน เพปเปอร์ได้โทร.แจ้งตำรวจ ให้มาจับจัสติน

     นาตาลี บังคับให้จัสติน บอกที่ซ่อนตัวของไอแวน แล้วจึงรีบเดินทางไป ด้วยฝีมือการต่อสู้อันเก่งกาจ นาตาลีจึงสามารถจัดการกับ รปภ.จำนวนมาก ได้อย่างรวดเร็ว แต่ไอแวนก็แอบหนีไปก่อน นาตาลีจึงทำการสั่งรีบู๊ท เพื่อยกเลิกการควบคุมชุด Iron Man สีเงิน โทนี่กับเจมส์ จึงไม่ต้องต่อสู้กันอีก และ ได้ร่วมมือกัน ทำลายหุ่นยนต์รบทั้งหมด แต่ไอแวนก็มาในชุดเกราะใหม่ ที่เขาออกแบบเอง พร้อมแส้ที่เป็นอาวุธร้ายแรง โทนี่กับเจมส์ จึงร่วมมือกันสู้อีกครั้ง จนสามารถปราบไอแวนได้ แต่ไอแวนก็ได้สั่งให้ระเบิด ที่อยู่ในชุดของเขา และ หุ่นยนต์รบทุกตัวทำงาน Iron Man จึงรีบเหาะไปช่วยเพปเปอร์ ไว้ได้ทันพอดี ทั้งคู่จึงได้ปรับความเข้าใจกัน

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย UNITED ภาพคมชัด เสียงดี แต่สำหรับเครื่องเล่นบางรุ่น อาจมีอาการสะดุด เมื่อดูไปได้ค่อนเรื่อง

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Slumdog Millionaire



แนวหนัง (อินเดีย+อังกฤษ) : ชีวิต (ลุ้นตลอดเรื่อง)

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ค่อนข้างยาก

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     เมืองมุมไบ ปี 2006 จามาล มาริก เด็กหนุ่มจากสลัม วัย ๑๘ ปี อาชีพพนักงานเสิร์ฟชาใน Call Center แห่งหนึ่ง ได้รับเลือกให้เข้าไปเล่นใน เกมส์เศรษฐีเงินล้าน ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์ยอดนิยม อันดับ ๑ ในอินเดีย แต่ในขณะนี้ ก่อนที่จามาลจะต้องตอบคำถามสุดท้าย ในวันพรุ่งนี้ เขากำลังถูกตำรวจสอบสวน เพราะ พิธีกร ผู้เป็นเจ้าของรายการ คิดว่า เด็กหนุ่มจากสลัมอย่างจามาล ไม่มีทางรู้คำตอบได้ จึงสงสัยว่า เขาโกงคำตอบด้วยวิธีใด  ตำรวจเรียกจามาล ว่า หมาสลัม (Slum dog) เขาถูกซ้อม ถูกจับแขวน และ ถูกช็อตด้วยไฟฟ้า จนสลบไป ตำรวจปลุกให้เขาตื่น แล้วเปิดเทปบันทึกรายการดูตั้งแต่ต้น พร้อมกับให้เขาอธิบายเหตุผล ว่า เขาสามารถตอบคำถามแต่ละข้อได้อย่างไร



     คำถามแรก มูลค่า ๑,๐๐๐ รูปี - ใครแสดงนำในภาพยนตร์ฮิตปี 1973 เรื่องซานเจียร์ ?

     จามาล ในวัยเด็ก กำลังอยู่ในห้องส้วม ขณะที่ อมิตาป ปัจจัน ดาราดังกำลังมาแจกลายเซ็น ซาลิม พี่ชายของจามาล ได้ล็อคประตูขังไว้ จามาลซึ่งคลั่งไคล้อมิตาปมาก จึงยอมกระโดดลงไปในบ่ออุจจาระ เพื่อที่จะแหวกฝูงชน (ที่ต้องหลบเพราะกลิ่นเหม็น) ไปขอลายเซ็นให้ทัน หลังจากได้ลายเซ็นบนรูปถ่ายมาแล้ว ซาลิมก็แอบเอาไปขาย จามาลรู้สึกเสียดายมาก เขาจึงตอบคำถามข้อนี้ได้

     คำถามที่ ๒ - รูปสิงโต ๓ ตัว ตราสัญลักษณ์ประจำชาติอินเดีย เขียนอักษรด้านล่างว่าอะไร ?

     จามาล ใช้สิทธิ์ ถามคนดู จึงตอบได้ว่า "สัจจะเท่านั้นจักมีชัย" (Truth Alone Triumphs)

     คำถามที่ ๓ - ตามรูปวาดของพระราม พระองค์ถือสิ่งใดในมือข้างขวา ?

     จามาล ในวัยเด็ก กำลังเล่นน้ำอยู่กับซาลิม ในขณะที่แม่กำลังซักผ้า ทันใดนั้น ก็มีชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ บุกเข้ามาฆ่าทุกๆคนในละแวกนั้น เพียงเพราะนับถือต่างศาสนากัน แม่ของจามาลถูกฆ่าตาย จามาลกับซาลิม วิ่งหนีไปตามซอกซอย ได้พบเด็กคนหนึ่ง ซึ่งแต่งตัวเป็นพระราม ในมือขวาถือคันธนูกับลูกศร จามาลจึงตอบคำถามข้อนี้ถูก เขาบอกกับสารวัตร ว่า ถ้าเขาตอบคำถามข้อนี้ไม่ได้ ยังจะดีกว่า เพราะนั่นหมายความว่า แม่ของเขาจะยังมีชีวิตอยู่ เมื่อถึงช่วงพักรายการ พิธีกรบอกจามาล ว่า ให้รับเงินรางวัล และ เลิกเล่นเสียตอนนี้จะดีกว่า (แต่จามาลไม่ได้มาเล่นเกมส์เพื่อเงิน) ในขณะที่ จามาลกับซาลิม กำลังหลบฝน จามาลเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนตากฝนอยู่คนเดียว เขาจึงเรียกให้เธอ เข้าไปหลบฝนด้วยกัน เธอบอกชื่อว่า ลาติก้า



     คำถามที่ ๔ - บทเพลง "ดราชาน ดู กานชายัม" ประพันธ์โดยกวีชื่อดังท่านใด ?

     จามาล ซาลิม และ ลาติก้า อาศัยอยู่ในเต๊นท์เล็กๆ ข้างกองขยะ มีชายใส่แว่นดำคนหนึ่ง เอาน้ำอัดลมมาให้ แล้วพาทั้งสามคน รวมทั้งเด็กคนอื่นๆที่อยู่แถวนั้นด้วย ขึ้นรถไปยังบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีเด็กเร่ร่อนอีกจำนวนมาก อยู่ร่วมกัน ทั้งสามคนต่างก็คิดว่า มัมมันด์ เป็นคนใจบุญที่ชอบเลี้ยงเด็ก มัมมันด์ บอกให้เด็กๆร้องเพลง "ดราชาน ดู กานชายัม" ทีละคน ซาลิมร้องเพลงไม่เพราะ แต่ชอบสู้คน มัมมันด์จึงตั้งให้เป็นหัวหน้าแก๊งค์ โดยให้พาเด็กทุกคน ออกไปขอทาน และ บังคับให้ลาติก้า อุ้มเด็กทารกไปขอทานด้วย ในคืนวันหนึ่ง มัมมันด์สั่งให้ซาลิม ไปเรียกเด็กออกมา ร้องเพลงทีละคน เด็กชายคนหนึ่งร้องเพลงเพราะ จึงถูกโปะยาสลบ แล้วเอาน้ำมันร้อนๆมาราด จนตาบอด ต่อจากนั้น
มัมมันด์ก็สั่งให้ซาลิม ไปเรียกจามาลมาร้องเพลง (ลาติก้าแอบตามมาดู) ซาลิมพาจามาลวิ่งหนี กระโดดขึ้นรถไฟไป ลาติก้าวิ่งตามไม่ทัน จึงถูกจับกลับไป จามาลโมโหที่ซาลิมไม่ยอมช่วยลาติก้า ซาลิมบอกว่า ลาติก้าจะไม่พิการแน่นอน จามาลจึงตอบคำถามข้อนี้ได้ ว่า เซอร์ดัส

     คำถามที่ ๕ มูลค่า หนึ่งล้านรูปี - บนธนบัตรหนึ่งร้อยดอลล่าร์ มีรูปรัฐบุรุษอเมริกันท่านหนึ่งคือ ?

     จามาลกับซาลิม ใช้ชีวิตอยู่บนหลังคารถไฟ ขายของในรถไฟ ถูกไล่บ้าง แอบขโมยของกิน จนถูกจับบ้าง ผ่านไปหลายปี ทั้งคู่โตเป็นวัยรุ่น ในวันหนึ่ง ทั้งคู่พลัดตกจากรถไฟ ใกล้ๆกับทัชมาฮาล จึงได้โอกาสทำตัวเป็นไกด์ หลอกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไปเรื่อยๆ ในคืนหนึ่ง จามาลได้ดูการแสดง ละครโอเปร่าในสวน ทำให้เขาคิดถึงลาติก้า จึงคิดที่จะออกตามหาเธอ ระหว่างที่ จามาลกับซาลิม ทำงานอยูในครัว ของร้านอาหารในเมืองมุมไบ จามาลบอกซาลิม ว่า เขาจะตามหาลาติก้า ไป
ที่โชพพัตตี้ หลังจากนั้น จามาลได้พบเพื่อนเก่า ซึ่งเป็นขอทานตาบอด กำลังร้องเพลงอยู่ เขาจึงให้ธนบัตรหนึ่งร้อยดอลล่าร์แก่เพื่อน เพื่อนลูบคลำธนบัตร ก่อนจะบอกกับเขา ว่า รูปคนที่อยู่บนธนบัตร คือ เบนจามิน แฟรงคลิน จามาลถามถึงลาติก้า เพื่อนบอกว่า คนแถวนั้นรู้จักเธอในชื่อ เชอร์รี่


     คำถามที่ ๖ มูลค่า สองล้านห้าแสนรูปี - ใครเป็นผู้ประดิษฐ์ ปืนลูกโม่ ?

     จามาลกับซาลิม เดินถามหาเชอร์รี่ ไป
จนถึงแหล่งค้าประเวณีแห่งหนึ่ง จนได้เห็นลาติก้า กำลังซ้อมเต้นรำอยู่ จามาลจึงรีบเข้าไปหา และ ชวนลาติก้าให้หนีไปด้วยกัน แต่มัมมันด์มาพบเข้าพอดี ซาลิมจึงชักปืนลูกโม่ ออกมาขู่ และ ใช้ผ้าห่อปืน ก่อนจะยิงมัมมันด์จนตาย แล้วจึงพากันหนีไป ทั้งสามคนได้เข้าไปหลบซ่อน ในโรงแรมร้างแห่งหนึ่ง ซาลิมตัดสินใจไปหา จาเวด หัวหน้าแก๊งค์ฝ่ายตรงข้ามกับมัมมันด์ และ บอกจาเวดว่า เขาเป็นคนฆ่ามัมมันด์ จาเวดจึงรับซาลิมไว้เป็นลูกน้อง เมื่อซาลิมกลับถึงโรงแรม เขาก็ไล่จามาลออกจากห้อง และ ชักปืนลูกโม่ออกมาขู่ ก่อนจะปิดห้อง อยู่กับลาติก้าตามลำพัง จามาลรู้สึกโมโหมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จามาลจึงตอบคำถามข้อนี้ได้ ว่า แซมมวล โคลท์

     คำถามที่ ๗ มูลค่า ห้าล้านรูปี - วงเวียนเคมบริดจ์ ไม่ได้อยู่ที่เคมบริดจ์ ถามว่า อยู่ที่เมืองอะไร ?

     สารวัตร ถามจามาล ว่า เขามาออกรายการนี้ได้อย่างไร ระหว่างที่ จามาลทำงานเสิร์ฟชาอยู่ใน Call Center ในวันหนึ่ง พนักงานรับโทรศัพท์คนหนึ่ง ขอให้จามาลนั่งทำงานแทนเขา เพราะเขาจะไปดู รายการเกมส์เศรษฐีฯ จามาลได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าฝรั่ง ในสำนักงานยังมีป้ายบอกชื่อ เมืองต่างๆของอังกฤษ จามาลจึงตอบคำถามข้อนี้ได้ ว่า ลอนดอน จามาลได้ใช้คอมพิวเตอร์ ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ด้วยชื่อ ซาลิม พบว่า มีชื่อ-นามสกุลเดียวกัน ๑๕ คน จึงไล่โทร.หาทีละคน จนได้คุยกับซาลิม ซาลิมนัดให้จามาล ไปพบกันบนตึกที่กำลังก่อสร้าง เมื่อได้พบกัน จามาลก็ชกซาลิมจนล้มลง ซาลิมบอกว่า ตอนนั้นลูกน้องของมัมมันด์ตามไป จึงต้องพาลาติก้าหนี และ ได้โทร.ไปฝากข้อความไว้ แต่จามาลไม่เชื่อ และ ยืนยันว่า ไม่มีข้อความที่ฝากไว้ ทั้งคู่นั่งคุยกันต่อ จนซาลิมได้รับโทรศัพท์จากจาเวด ซาลิมจึงให้นามบัตรจามาลไว้ บอกให้จามาลไปหาเขา ตามที่อยู่บนนามบัตร  และ บอกว่า ลาติก้าแยกจากเขาไปนานแล้ว คืนนั้น จามาลไปนอนค้างที่บ้านของซาลิม



     เช้าวันรุ่งขึ้น จามาล แอบตามซาลิมออกไป จนถึงบ้านของจาเวด เขาเห็นลาติก้า จึงบอกยามเฝ้าประตู ว่า มาสมัครเป็นคนล้างจาน เมื่อเข้าไปในบ้าน จามาลก็ได้เข้าไปกอดลาติก้า และ เห็นว่า เธอกำลังดูรายการเกมส์เศรษฐีฯอยู่ หลังจากคุยกันได้ไม่นาน จาเวดก็กลับไปถึง จามาลจึงช่วยลาติก้า ทำแซนด์วิชให้จาเวดกิน ขณะที่จาเวดกำลังนั่งดู การแข่งขันคริกเก็ต ทางโทรทัศน์ จามาลชวนให้ลาติก้าหนีไปด้วยกัน ลาติก้าบอกว่า จาเวดจะพาเธอ ออกไปจาก บอมเบย์ เร็วๆนี้ จาเวดกินแซนด์วิชแล้วไม่ถูกใจ จึงไล่จามาลออกไป ก่อนไป จามาลแอบนัดให้ลาติก้า ไปพบเขาที่สถานีรถไฟ เมื่อถึงเวลานัด จามาล ยืนรอลาติก้า อยู่ชั้นบนของสถานีรถไฟ จนได้เห็นลาติก้า เธอหันขึ้นมามอง และ ส่งยิ้มให้ ทันใดนั้น ซาลิมกับลูกน้องจาเวด ก็ตามมาจับตัวลาติก้าขึ้นรถไป จามาลรีบวิ่งตามไป แต่ไม่ทัน ก่อนที่รถจะแล่นออกไป ลูกน้องของจาเวดก็ใช้มีด กรีดหน้าของลาติก้า ๑ แผล

     คำถามที่ ๘ มูลค่า สิบล้านรูปี - นักคริกเก็ตคนใด ทำแต้มที่หนึ่งร้อยได้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ ?

     ในช่วงพักรายการ จามาลได้พบพิธีกรในห้องน้ำ เขาบอกพิธีกร ว่า เขาไม่รู้คำตอบข้อนี้ พิธีกรได้เขียนตัวอักษร "B" ไว้ ด้วยไอน้ำบนกระจก ให้จามาลเห็น ก่อนจะเดินออกไป เมื่อกลับเข้าสู่รายการ จามาลขอใช้สิทธิ์ ๕๐/๕๐ ตัดคำตอบที่ผิดออกไป ๒ ข้อ เหลือแค่ "B" และ "D" จามาลตอบ "D" แจ็ค ฮอบส์ พิธีกรจึงพยายามพูดโน้มน้าว ให้จามาลเปลี่ยนใจเลือก "B" (ตามที่เขียนไว้บนกระจกห้องน้ำ) แต่จามาลยืนยันคำตอบ "D" ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้อง และ ก่อนจะถึงคำถามสุดท้าย ก็หมดเวลาของรายการเสียก่อน จึงต้องรอแข่งต่อในวันรุ่งขึ้น หลังเลิกรายการ พิธีกรก็หลอกพาจามาล ไปส่งให้ตำรวจสอบสวน เมื่อจามาลเล่าเรื่องราวต่างๆให้สารวัตรฟัง มาจนถึงตอนนี้ สารวัตรเชื่อแล้วว่า เขาไม่ได้โกงจริงๆ



     หลังจากที่ ลาติก้า ถูกจับกลับไป จามาลได้ตามไปที่บ้านของจาเวด แต่ก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว เขาจึงหาทาง มาออกรายการเกมส์เศรษฐีฯ เพื่อที่จะได้พบลาติก้าอีก ในตอนนี้ กำลังมีข่าวของจามาล ออกทางโทรทัศน์ ลาติก้ากับซาลิม ได้นั่งดูอยู่ ในจังหวะที่ จาเวดโทรศัพท์ ซาลิมได้มอบกุญแจรถให้ลาติก้า บอกให้เธอหนีไปหาจามาล และ ให้โทรศัพท์มือถือของเขาไปด้วย จามาล ถูกส่งกลับไปแข่งต่อ ในขณะที่รถติด มีชาวบ้านเห็นจามาลอยู่ในรถ จึงเข้ามาทักทาย พร้อมกับส่งเสียงเชียร์ให้เขาชนะ ขณะนี้ผู้คนในอินเดีย ๙๐ ล้านคน กำลังเฝ้ารอดู และ เชียร์จามาลให้ชนะ ในรายการเกมส์เศรษฐีฯ

     คำถามสุดท้าย มูลค่า ยี่สิบล้านรูปี - จากวรรณกรรมของ อเล็กซานเดอร์ ดูมัส เรื่อง "สามทหารเสือ" สองคนแรกคือ เอธอส และ พอร์ธอส ทหารเสือคนที่สามมีชื่อว่าอะไร ?

     จามาล ยิ้มเพราะเขาไม่รู้คำตอบข้อนี้ จึงขอใช้สิทธิ์โทร.ถาม ทางรายการโทร.หาซาลิม เพราะเป็นเบอร์เดียวที่จามาลรู้ ลาติก้า ซึ่งกำลังยืนดูโทรทัศน์อยู่ข้างทาง เพราะรถติดมาก เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่า เธอวางโทรศัพท์ของซาลิมไว้ในรถ จึงรีบวิ่งไปรับสายทันพอดี ลาติก้าบอกจามาล ว่า เธอปลอดภัยดี แต่ไม่รู้คำตอบข้อนี้ เมื่อได้ยินเช่นนั้น จามาลก็ดีใจมากแล้ว เขาจึงตอบข้อ "A" อรามิส ในขณะเดียวกัน จาเวดก็รู้ว่า ลาติก้าได้หนีไปแล้ว ซาลิมขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ เขาเทธนบัตรจำนวนมาก ลงในอ่างอาบน้ำ แล้วลงไปนั่งในอ่าง เมื่อจาเวดเปิดประตูเข้าไป เขาก็ถูกซาลิมยิงตาย แต่ซาลิมก็ถูกลูกน้องของจาเวด ยิงตายด้วยเช่นกัน



     จามาล ตอบคำถามสุดท้ายได้ถูกต้อง ผู้คนในอินเดีย ๙๐ ล้านคน ต่างดีใจ โห่ร้องกันใหญ่ จามาลได้รับเงินรางวัล ยี่สิบล้านรูปี หลังจากนั้น เขาก็ไปรอลาติก้า ที่สถานีรถไฟ เมื่อได้เห็นลาติก้า จามาลก็รีบวิ่งเข้าไปหา เขาค่อยๆเปิดผ้าคลุมศรีษะของเธอออก แล้วบรรจงจูบลงบน รอยแผลที่แก้มซ้ายของเธอ

หมายเหตุ : หนังเรื่องนี้ สร้าง และ กำกับ โดย ชาวอังกฤษ ภาษาที่ใช้ในเรื่อง ส่วนใหญ่จึงเป็น ภาษาอังกฤษ รองลงมาคือ ภาษาอินเดีย

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย UNITED ภาพคมชัด เสียงดี

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Arthur and The Minimoys



แนวหนัง (ภาค ๑) : กึ่งการ์ตูน ครอบครัว ตลก ผจญภัย จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างปานกลาง (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     อาเธอร์ เด็กชายวัย ๑๐ ขวบ อาศัยอยู่กับยายในชนบท ตาของอาเธอร์ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อ ๓ ปีก่อน อาเธอร์ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ระบายน้ำ สำหรับรดน้ำแปลงผักสวนครัว ตามแบบที่ตาของเขาเคยออกแบบไว้ วันนี้ตรงกับวันเกิดของอาเธอร์ แต่พ่อกับแม่โทร.มาบอกว่า ยังมาหาเขาไม่ได้ ยายได้ให้ของขวัญเป็น ลูกเบสบอล และ รถไขลาน แล้วอ่านสมุดบันทึก เรื่องการผจญภัยในแอฟริกา ของตาให้ฟัง เกี่ยวกับชน ๒ เผ่า ที่เป็นเพื่อนของตา เผ่าหนึ่งชื่อ โบโก เป็นคนผิวดำตัวสูงมาก อีกเผ่าชื่อ มินิมอยส์ ตัวเล็กจิ๋ว เหมือนภูติตัวเล็กๆ

     วันรุ่งขึ้น มีเจ้าหนี้มาแจ้งว่า บ้าน และ ที่ดิน กำลังจะถูกยึด แถมยังเตะรถไขลานของอาเธอร์ จนตกท่อไป ยายไม่มีเงินจ่ายหนี้ต่างๆ จึงต้องขายของเก่าของตา แต่ก็ยังถูกตัดโทรศัพท์ และ ไฟฟ้า ตาเคยเล่าว่า มีสมบัติซ่อนอยู่ในสวนหน้าบ้านที่กว้างใหญ่ ยายเคยลองขุดหา
แต่ก็ยังไม่พบ อาเธอร์คิดจะหาสมบัติ เพื่อนำมาใช้หนี้ทั้งหมด เมื่ออาเธอร์ตีปริศนาที่ซ่อนสมบัติออก เขาก็รู้ว่า จะต้องหาชนเผ่ามินิมอยส์ ให้พบก่อน และ จะหาพบได้ใน คืนวันเพ็ญ เดือนสิบ ซึ่งก็คือ ในคืนนี้ เท่านั้น

     อาเธอร์ แอบขโมยกุญแจห้องของตา หลังจากยายดื่มยานอนหลับ เพื่อเตรียมสิ่งของที่จะต้องใช้ ชนเผ่าโบโก ได้มาช่วยอาเธอร์ ทำให้เขาได้คุยกับมินิมอย ที่มีชื่อว่า เบตาเมซ ที่เฝ้าทางเข้า อาเธอร์บอกว่า หากไม่ได้สมบัติภายใน ๒ วัน บ้าน และ สวนแห่งนี้ จะถูกทำลาย เบตาเมซจึงยอมให้เข้าไป เมื่ออาเธอร์ตกลงไป ในดินแดนของมินิมอยส์ ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นมินิมอยตัวจิ๋วไปด้วย เบตาเมซพาอาเธอร์ ไปพบพระราชา (ซึ่งเป็นพระบิดาของเบตาเมซ) และ เจ้าหญิง เซลีเนีย พระราชาจึงเล่าให้อาเธอร์ฟัง ว่า ตาของเขาเคยออกไปหาสมบัติ ซึ่งอยู่ในเขตของจอมมาร M (มัลธาซาร์) แล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย


     ทันใดนั้น สมุนของจอมมาร M ก็หลอกให้เปิดประตูเมือง และ ยกทัพบุกเข้าโจมตี เกิดการต่อสู้กัน โกลาหล อาเธอร์ก็ช่วยต่อสู้ เขาสามารถดึงดาบวิเศษ ที่ปักอยู่ในหิน ออกมาได้อย่างง่ายดาย จึงสามารถช่วยชนเผ่ามินิมอยส์ไว้ได้ พระราชาจึงมอบหมายให้ เจ้าหญิงเซลีเนีย และ เบตาเมซ พาอาเธอร์ออกไปหาสมบัติ และ ปราบจอมมาร M หลังจาก การผจญภัยในระหว่างเดินทาง ทำให้อาเธอร์ได้รู้ว่า ชนเผ่ามินิมอยส์กลัวน้ำ ทั้งสามคนได้แอบเห็นสมุนของจอมมาร M กำลังตัดหลอดกาแฟ จากอุปกรณ์ระบายน้ำของอาเธอร์ เพื่อเอาไปใช้ ทำให้น้ำท่วมเมืองของมินิมอยส์

     เมื่อไปถึงเขตของจอมมาร M เจ้าหญิงเซลีเนีย ได้แยกทาง เพื่อไปสู้กับจอมมาร M แต่ก่อนไป เซลีเนียได้มอบจูบแรกให้แก่อาเธอร์ แต่แล้ว ทั้งสามคนก็ถูกจับ นำไปขังรวมกับตาของอาเธอร์ หลานกับตาจึงได้พบกัน อาเธอร์ได้เห็นสมบัติ ซึ่งก็คือ พลอยสีแดง ที่จอมมาร M ใช้ทำเป็นบัลลังก์ จนได้เวลาที่จอมมาร M กำลังจะปล่อยน้ำลงท่อ เพื่อให้ไหลไปท่วมเมืองของมินิมอยส์ จึงได้ปล่อยทั้งสี่คน ให้เดินไปตามท่อ เพื่อให้ถูกน้ำซัด แต่พอเดินไปได้ระยะหนึ่ง อาเธอร์ก็พบรถไขลานของเขา จึงบอกให้ทุกคนขึ้นรถ แล้วไขลานให้แล่นไป จอมมาร M สั่งปล่อยน้ำลงท่อ รถไขลานหยุดแล่นใกล้ประตูเมือง ทั้งสี่คนวิ่งเข้าเมืองทันเวลาพอดี แต่ประตูเมืองไม่สามารถกั้นน้ำไว้ได้นานมากนัก พระราชาจึงรีบส่งอาเธอร์ และ ตา กลับขึ้นไป

     เมื่อกลับขึ้นไปบนพื้นดิน ทั้งคู่ก็กลายร่างกลับเป็นคนเหมือนเดิม ยายดีใจมากที่ได้พบตาอีก ตาพยายามถ่วงเวลาเจ้าหนี้เอาไว้ เพื่อให้อาเธอร์ไปหาพลอย เมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน มิโน ซึ่งเป็นมินิมอย ที่ถูก M จับมาใช้งาน ก็ทำตามที่อาเธอร์เคยบอกไว้ โดยปรับเปลี่ยนทิศทางของกระจก เพื่อให้แสงแดดส่องไปที่พลอย และ ส่องแสงขึ้นไปตามท่อ พุ่งขึ้นเหนือพื้นดิน อาเธอร์จึงทิ้งลูกเบสบอล ลงไปในท่อ เพื่อทำลายระบบส่งน้ำ ที่ทำจากหลอดพลาสติก จนน้ำท่วมเมืองของจอมมาร M ส่วนมิโนซึ่งอยู่บนพลอยแดง ก็ลอยขึ้นไปตามท่อ อาเธอร์จึงรีบนำพลอยไปให้ตา ตาแบ่งพลอยชิ้นหนึ่งให้เจ้าหนี้ เพื่อเป็นการใช้หนี้ แต่เจ้าหนี้ได้ปล้นพลอยทั้งหมดไป ชนเผ่าโบโกมาช่วยทัน จับตัวเจ้าหนี้ส่งให้ตำรวจ ส่วนชนเผ่ามินิมอยส์ก็ปลอดภัย อาเธอร์ได้ส่งตัวมิโนกลับไป และ เฝ้ารออีก ๑๐ เดือน ตามประเพณีของมินิมอยส์ อาเธอร์ก็จะได้พบเจ้าหญิงเซลีเนียอีกครั้ง

หนัง
แผ่น : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย UNITED ภาพคมชัด เสียงดี

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

The Way Home



แนวหนัง (เกาหลี) : ชีวิต (ซาบซึ้ง ประทับใจ)

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ง่าย ถึง ค่อนข้างง่าย

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ซางวู เด็กชายวัย ๗ ขวบ ซึ่งเคยอาศัยอยู่แต่ในเมืองใหญ่ ถูกแม่นำมาฝากไว้กับ คุณยาย วัย ๗๕ ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในชนบท คุณยายเป็นใบ้ แต่หูไม่หนวก ซางวูงองแง ไม่อยากอยู่กับคุณยาย แม่ วัย ๓๒ ปี ซึ่งเคยหนีตามพ่อของซางวูไป ตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี เพิ่งจะได้กลับมาหาคุณยายเป็นครั้งแรก เพียงเพื่อขอให้ช่วยเลี้ยงหลานสัก ๒ เดือน โดยมีของฝากเป็น ชุดชั้นใน และ ยาบำรุงอีก ๑ กล่อง เสร็จแล้วก็รีบกลับไป ซางวูกับคุณยาย เดินไปส่ง ขากลับ ซางวูได้ต่อว่าคุณยาย คุณยายจึงส่งภาษาใบ้ โดยใช้มือวนรอบหน้าอก แต่ซางวูไม่เข้าใจ




     เมื่อกลับถึงบ้าน คุณยายคอยดูแล เอาใจใส่ซางวูทุกอย่าง แต่ซางวูก็ดื้อ และ เอาแต่เล่นเกมส์กดอยู่คนเดียว คุณยายกำลังจะเย็บรองเท้า ที่ทั้งเก่า และ ขาด แต่ไม่สามารถร้อยด้ายเข้ารูเข็ม จึงขอให้ซางวูช่วย ซางวูก็ช่วยร้อยด้ายอย่างไม่เต็มใจ ซางวูเห็นแมลงสาบ ก็ตกใจกลัว ร้องให้คุณยายช่วย คุณยายก็จับไปปล่อยทางหน้าต่าง ซางวูเล่นเกมส์กดจนถ่านหมด จึงร้องขอเงินคุณยาย เพื่อเอาไปซื้อถ่าน แต่คุณยายไม่มีเงิน พอคุณยายไปซักผ้า ซางวูก็ตามตื๊อ คุณยายจึงส่งภาษาใบ้ โดยใช้มือวนรอบหน้าอก แต่ซางวูก็ผลักคุณยายจนเซไป




     ซางวู รื้อค้นข้าวของในบ้าน แต่ก็ไม่มีเงินอยู่เลย ซางวูจึงเตะโถกระเบื้องของคุณยาย จนตกแตก แอบเอารองเท้าของคุณยายไปซ่อน จนคุณยายต้องเดินขึ้นลงเขา ด้วยเท้าเปล่า ซางวูแอบขโมยปิ่นปักผมของคุณยาย ตอนที่คุณยายนอนหลับ โดยหวังว่า จะใช้แทนเงิน แลกซื้อถ่านเกมส์กดได้ ซางวูเดินหาร้านขายของ โดยถามทางคนแถวนั้นไปเรื่อยๆ จนไปถึงร้านขายของ แต่ก็มีแค่ถ่านไฟฉายเท่านั้น ไม่มีถ่านเกมส์กดเลยสักร้าน เมื่อคุณยายตื่นขึ้นมา คลำหาปิ่นปักผมไม่เจอ แต่เพราะผมยุ่ง จึงต้องหวีผม แล้วเอาตะหลิวอันเล็ก มาเสียบผมแทนปิ่นฯ ซางวูเดินหลงทาง ไม่รู้ทางกลับบ้าน จึงเดินร้องไห้ไปเรื่อยๆ จนได้พบคุณลุงใจดีคนหนึ่ง ขี่จักรยานมาส่ง คุณยายก็มารอรับกลับบ้าน




     ซางวู นอนเล่นอยู่บนระเบียงหน้าบ้าน คุณยายมาปลุก แล้วใช้ภาษามือถามว่า อยากกินอะไร ซางวูเริ่มเข้าใจ จึงบอกว่า อยากกินพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ และ ไก่ทอดKFC พร้อมกับแสดงท่า ไก่กระพือปีก ให้คุณยายดู คุณยายจึงเดินลงเขา เพื่อเอาผลิตผลจากแปลงผัก ที่คุณยายปลูกเองไปขาย แล้วซื้อไก่เป็นๆมา ๑ ตัว ขากลับฝนตก คุณยายต้องหิ้วไก่ เดินตากฝนขึ้นเขา กลับบ้าน เมื่อกลับถึงบ้าน คุณยายก็ทำไก่ต้มให้ซางวูทันที เมื่อเห็นว่า เป็นไก่ต้ม ไม่ใช่ไก่ทอดKFC ซางวูก็ร้องไห้งองแง ไม่ยอมกิน ต่อว่าคุณยาย แล้วปัดชามข้าวหก ก่อนจะล้มตัวลงนอน คุณยายต้องเก็บข้าว ที่หามาด้วยความเหนื่อยยาก เมื่อซางวูตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะความหิว จึงต้องกินอาหาร ที่คุณยายเตรียมไว้ให้ อย่างเอร็ดอร่อย




     เช้าวันรุ่งขึ้น ซางวู ตื่นขึ้นมา เห็นว่า คุณยายยังไม่ตื่น จึงขยับเข้าไปดูใกล้ๆ จนพบว่า คุณยายไม่สบาย เป็นไข้ตัวร้อน ซางวูจึงห่มผ้าให้ และ คอยดูแล ซางวูเพิ่งเห็นว่า คุณยายใช้ทัพพีอันเล็ก แทนปิ่นปักผม จึงนำปิ่นปักผมที่ขโมยไป มาเปลี่ยนกลับคืนให้คุณยาย แล้วจึง
ไปจัดสำรับอาหาร (ไก่ต้ม) มาให้คุณยาย ซางวูออกไปเดินเล่น ได้เห็น ด.ญ.แฮยอน กำลังตะโกนบอก ด.ช.เซียวยี ให้วิ่งหนีวัวบ้า ซางวูเผลอเหยียบสำรับกับข้าวของเล่น ของแฮยอน แล้วไม่ขอโทษ แต่แฮยอนก็ให้อภัย จึงได้คุยกัน



      ซางวูกับคุณยาย รออยู่นานมาก กว่ารถเมล์จะมา เพื่อจะไปตลาดในเมือง ซึ่งอยู่ไกลมาก เมื่อไปถึงตลาด คุณยายก็ไปนั่งขายฟักทองอยู่ริมถนน ซางวูแอบมองคุณยายขายของ ซึ่งใช้เวลานานมาก กว่าจะขายได้ หลังจากขายหมดแล้ว คุณยายก็พาซางวู ไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่ แต่ซางวูกลับไม่ชอบ แล้วจึงพาไปกินก๋วยเตี๋ยว แต่คุณยายไม่ได้กิน เพราะเหลือเงิน พอซื้อได้แค่ชามเดียว คุณยายพาซางวูไปขึ้นรถเมล์ ซึ่งยังไม่ถึงเวลาออกรถ คุณยายจึงถามซางวู ว่า อยากกินอะไร ซางวูเห็นเด็กคนหนึ่ง กำลังกินขนม จึงบอกคุณยายว่า อยากกินช็อกโกพาย พร้อมกับชี้ให้คุณยายดูที่เด็กคนนั้น



     คุณยาย แวะไปเยี่ยมเพื่อนเก่า ซึ่งเปิดร้านขายของชำอยู่ หลังจากพูดคุยกันสักครู่ คุณยายก็ขอซื้อช็อกโกพาย เพื่อนของคุณยายหยิบให้ แต่ไม่ยอมรับเงินจากคุณยาย คุณยายส่งขนมไปให้ซางวู ทางหน้าต่างรถเมล์ แล้วส่งของให้ซางวูช่วยถือ ซางวูไม่ยอมถือ แถมยังปัดของหล่นลงพื้น คุณยายก้มลงเก็บของ ในขณะที่รถเมล์แล่นออกไป เมื่อลงจากรถแล้ว ซางวูรอคุณยายอยู่นานมาก แต่คุณยายก็ยังไม่กลับไปสักที ซางวูจึงเดินกลับบ้านเอง เวลาผ่านไปอีกนาน ก็ยังไม่เห็นคุณยายกลับมาอีก ซางวูจึงเดินไปรอที่ป้ายรถเมล์ รออยู่อีกนาน จึงค่อยเห็นคุณยายเดินมาถึง (คุณยายต้องเดินกลับ เพราะมีเงินพอจ่ายค่ารถ ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น) ซางวูร้องบ่น (ด้วยความเป็นห่วง) ที่คุณยายมาถึงช้ามาก คุณยายใช้มือวนรอบหน้าอกอีกครั้ง ซางวูช่วยคุณยายหิ้วของเดินกลับบ้าน และ ได้แอบใส่ช็อกโกพาย ลงในห่อผ้าของคุณยาย ๑ ชิ้น



     ซางวู ต้องเข้าส้วมซึ่งอยู่นอกบ้าน กลางดึก (เพราะโถกระเบื้องแตกไปแล้ว) คุณยายก็ต้องนั่งตากลมหนาว รออยู่ใกล้ๆ เพราะซางวูกลัวจะต้องอยู่คนเดียวมืดๆ วันรุ่งขึ้น ซางวูเห็นเซียวยีเดินอยู่ไกลๆ จึงตะโกนหลอกให้วิ่งหนีวัวบ้า จนหกล้ม เป็นแผล ซางวูรีบเดินหนี แต่เซียวยีเดินมาดักหน้าไว้ ซางวูกลัวว่า จะถูกเซียวยีซึ่งโตกว่า ทำร้าย จึงเลียนแบบคุณยาย โดยใช้มือวนรอบหน้าอก เซียวยีก็ไม่ว่าอะไร ซางวูได้พบแฮยอนระหว่างทาง แฮยอนได้นัดซางวู ให้ไปเล่นด้วยกัน ซางวูแอบชอบแฮยอนอยู่ จึงขอให้คุณยายช่วยตัดผมให้ เพื่อจะได้ดูดีในวันนัด ซางวูทำมือบอกคุณยาย ว่า ให้ตัดผมออกเพียงนิดเดียว ก่อนจะเผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมา ส่องกระจกดู ก็พบว่า คุณยายเข้าใจผิด จึงได้ตัดผมซางวู จนเหลือสั้นนิดเดียว ซางวูจึงร้องไห้งองแง และ บอกว่า ไม่กล้าไปพบแฮยอนแล้ว



     วันรุ่งขึ้น คุณยาย ใช้กระดาษห่อของขวัญ (ที่ใช้แล้ว) ห่อเกมส์กด แล้วส่งให้ซางวู ก่อนจะพาไปเยี่ยม คุณตาเพื่อนบ้านที่ป่วยอยู่ คุณยายเอายาบำรุง ที่แม่ของซางวูให้ไว้ ไปให้คุณตา เมื่อถึงใกล้ถึงเวลานัด ซางวูเตรียมตัวออกจากบ้าน คุณยายหยิบรองเท้าคู่ใหม่มาให้ แต่ซางวูเตะทิ้ง แล้วรีบออกไปตามนัด พอขากลับ ซางวูรู้สึกเจ็บเท้า เพราะรองเท้าคู่เก่าเริ่มคับ จึงนั่งบนรถเข็นเล็กๆของยาย ที่เอาไปด้วย แล่นไหลลงเนินจนหกล้ม เป็นแผลที่เข่า สักครู่ต่อมา เซียวยีตะโกนร้องบอก ให้วิ่งหนีวัวบ้า ซางวูไม่เชื่อ แต่พอเห็นวัวบ้ามาจริงๆ ซางวูก็วิ่งหนีจนหกล้ม เซียวยีจึงวิ่งมาช่วย ไล่วัวบ้าไปทางอื่น ซางวูบอกกับเซียวยี ว่า ขอโทษ เซียวยีบอก ไม่ต้องขอโทษถึง ๒ ครั้งหรอก



     ซางวู เพิ่งเข้าใจว่า การที่คุณยายใช้มือวนรอบหน้าอกนั้น หมายความว่า ขอโทษ นั่นเอง

     ซางวู ต้องเดินกะเผลกกลับบ้าน ระหว่างทาง ก็ได้หยิบห่อเกมส์กดออกมาเปิดดู จึงพบว่า คุณยายใส่เงินไว้ในห่อด้วย ซางวูจึงร้องไห้ แล้วค่อยเดินต่อไป เมื่อเห็นว่า คุณยายออกมารอ ซางวู
ก็ร้องไห้อีกครั้ง คุณยายช่วยเช็ดน้ำตา ปลอบใจ แล้วยื่นจดหมายที่แม่ส่งมา ให้ซางวู เมื่อรู้ว่า แม่กำลังจะมารับกลับไป ในคืนนั้น ซางวูจึงสอนคุณยาย ให้เขียนหนังสือ แต่คุณยายไม่เคยเรียนหนังสือ จึงเขียนไม่เป็น ซางวูจึงบอกว่า ถ้าคุณยายป่วย ก็ให้ส่งจดหมายเปล่าไป ซางวูจะได้รีบมาหาคุณยาย แล้วซางวูก็ร้อยด้ายเข้ารูเข็ม ให้คุณยายไว้ใช้หลายเส้น


     คุณยาย ไปส่งซางวูกับแม่ ที่ป้ายรถเมล์ ระหว่างรอรถเมล์ ซางวูไม่ยอมพูดอะไร จนเมื่อรถเมล์มาถึง ซางวูจึงมอบการ์ดการ์ตูนของเขา ให้คุณยาย เมื่อรถแล่นออกไป ซางวูมองคุณยาย ผ่านกระจกท้ายรถ และ ใช้มือวนรอบหน้าอก (ผมขอโทษ) หลังจากนั้น คุณยายค่อยเดินกลับบ้าน ตามลำพัง (ที่ด้านหลังการ์ด มีรูปคุณยาย ที่ซางวูวาดไว้ และ ข้อความ เช่น ยายไม่สบาย คิดถึง ฯลฯ)

หมายเหตุ : ในเบื้องหลังบอกไว้ว่า คุณยาย ไม่ใช่นักแสดงอาชีพ แต่เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวนั้นอยู่แล้ว ผู้กำกับหญิงต้องเฝ้าอ้อนวอนอยู่นานเป็นเดือน กว่าคุณยายจะยอมแสดง

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย EVS ภาพค่อนข้างชัด

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

UP



แนวหนัง : การ์ตูน ตลก ผจญภัย

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ง่าย ถึง ค่อนข้างง่าย

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     คาร์ล เด็กชาย นิสัยขี้อาย ใฝ่ฝันอยากเป็นนักผจญภัย เหมือนอย่าง ชาร์ลส์ มันซ์ ผู้ซึ่งนำโครงกระดูกนกยักษ์ ที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน กลับมาจากน้ำตกสวรรค์ อเมริกาใต้ แต่กลับถูกกล่าวหาว่า เป็นของปลอม ชาร์ลส์จึงสาบานว่า จะจับนกยักษ์ที่ยังมีชีวิต กลับมาให้ได้

     คาร์ล ได้พบกับ เอลลี่ เด็กหญิงแก่นแก้ว ที่รักการผจญภัย และ ใฝ่ฝันอยากไป น้ำตกสวรรค์ เหมือนกัน ทั้งคู่จึงสนิทกันอย่างรวดเร็ว เอลลี่มีสมุดบันทึกการผจญภัย เธอขอให้คาร์ลสัญญาว่า จะย้ายบ้านไปอยู่เหนือ น้ำตกสวรรค์ ด้วยกัน จนเมื่อถึงวัยอันควร ทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน คาร์ลทำงานขายลูกโป่งสวรรค์ เอลลี่เป็นพนักงานในสวนสัตว์ แม้เอลลี่จะไม่สามารถมีลูกได้ แต่ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตร่วมกัน อย่างมีความสุข จนแก่เฒ่าไปด้วยกัน ในที่สุด เอลลี่ก็ล้มป่วย และ เสียชีวิต คาร์ลต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ในบั้นปลายของชีวิต ที่ดินรอบบ้านของเขา ถูกกว้านซื้อไปจนหมด เพื่อก่อสร้างตึกสูง คาร์ลปฏิเสธที่จะขายบ้านของเขา

     รัสเซล เด็กชายร่างท้วม ได้มาเคาะประตูบ้านของคาร์ล เพื่อเสนอความช่วยเหลือแก่คนชรา ตามหน้าที่ของลูกเสือ เพื่อที่จะได้เลื่อนขั้น เป็นลูกเสือรุ่นใหญ่ พ่อของรัสเซลจะได้มา ติดเข็มกลัดให้เขา คาร์ลได้หลอกให้รัสเซลไปจับนก (ที่ไม่มีอยู่จริง) มาให้เขา ต่อมา คาร์ลได้พลั้งมือ ทำร้ายคนงานก่อสร้าง จึงถูกศาลสั่งให้เขา ย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา
คาร์ลเปิดดูสมุดบันทึกการผจญภัยของเอลลี่ แล้วจึงตัดสินใจ ยกบ้านให้ลอยขึ้นฟ้า ด้วยลูกโป่งสวรรค์จำนวนมากมาย เพื่อเดินทางไปยังน้ำตกสวรรค์ แต่เมื่อเดินทางไปได้สักพักใหญ่ คาร์ลก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อเปิดดูจึงพบว่า รัสเซลอยู่ที่ระเบียงหน้า เขาจึงจำใจต้องให้รัสเซล ร่วมเดินทางไปด้วย

     เมื่อรัสเซล ได้เข้าไปในบ้าน เขาก็พูดไม่หยุด แถมยังเล่นซุกซน ตามประสาเด็ก จนกระทั่ง มีพายุฝนกระหน่ำ ซัดบ้านปลิวไปมา คาร์ลวิ่งตามเก็บของที่หล่น จนเพลียหลับไป เมื่อเขาตื่นขึ้น ก็ไม่รู้ว่า อยู่ที่ไหนแล้ว เพราะบ้านลอยอยู่เหนือเมฆ เขาจึงตัดเชือกที่ผูกลูกโป่ง ออกไปบางส่วน เพื่อลดระดับลง แต่ก็มีหมอกหนามาก จนแทบมองไม่เห็นอะไร บ้านจึงเฉี่ยวกับหิน มีลมพัดมา หมอกจางหายไป คาร์ลจึงเห็นน้ำตกสวรรค์ อยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของเทือกเขา รัสเซลออกความคิด ให้จูงบ้านเดินไป คาร์ลบอกว่า มีเวลาแค่ ๓ วัน ก่อนที่ลูกโป่งสวรรค์จะตกลงมา

     ระหว่างเดินทาง รัสเซล พบนกยักษ์หลากสีตัวหนึ่ง ซึ่งชอบกินช็อกโกแล็ตของเขา จึงตั้งชื่อมันว่า เควิน หลักจากนั้น ก็พบกับ ดั๊ก สุนัขพูดได้ เพราะมีปลอกคอแปลภาษาให้ ทั้งหมดจึงร่วมเดินทางไปด้วยกัน แม้ว่าคาร์ลจะไม่เต็มใจนัก จนเมื่อฝนตก จึงต้องหลบฝนอยู่ใต้บ้านทั้งคืน รัสเซลได้เล่าให้คาร์ลฟังว่า รัสเซลไม่ได้อยู่กับพ่อ แต่ต้องอยู่กับพี่เลี้ยง


     เช้าวันรุ่งขึ้น เควิน ส่งเสียงร้องเรียกลูกๆ ก่อนจะวิ่งจากไป (รัสเซลเพิ่งรู้ว่า เควินเป็นนกตัวเมีย) มีสุนัขพูดได้อีก ๓ ตัว ตามมาเจอดั๊ก ซึ่งยังอยู่กับ คาร์ล และ รัสเซล จึงบังคับให้พวกเขา ไปพบกับเจ้านายของพวกมัน ซึ่งก็คือ ชาร์ลส์ ยอดนักผจญภัยในดวงใจนั่นเอง ชาร์ลส์อาศัยอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ และ มีสุนัขคอยรับใช้ เป็นจำนวนมากมาย ชาร์ลส์ได้พาคาร์ลกับรัสเซล เดินชมภายในเรือเหาะของเขา ชาร์ลส์เล่าว่า เขาตามล่านกยักษ์มานาน แต่ก็ยังไม่เคยจับได้สักที เมื่อรัสเซลได้เห็นโครงกระดูกนกยักษ์ จึงเล่าเรื่องเควินให้ฟัง คาร์ลรีบพูดกลบเกลื่อน แล้วรีบบอกลา

     ทันใดนั้น เควิน ซึ่งอยู่บนหลังคาบ้าน ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา คาร์ลกับรัสเซล จึงรีบจูงบ้านหนี โดยมีดั๊กคอยช่วยเหลือ ชาร์ลส์รีบสั่งให้ฝูงสุนัข ออกตามล่าเควิน จนถึงหน้าผา สุนัขหลายตัวตกลงไป เควินถูกกัดขาเจ็บ คาร์ลเริ่มใจอ่อน จึงยอมพาเควินไปหาลูก แต่ชาร์ลส์กับฝูงสุนัข ตามมาทันเสียก่อน คาร์ลพยายามช่วยเควิน ชาร์ลส์จึงจุดไฟเผาบ้าน คาร์ลต้องรีบดับไฟ จึงปล่อยให้เควินถูกจับไป เมื่อดับไฟได้แล้ว คาร์ลก็จูงบ้านไปจนถึงน้ำตกสวรรค์ รัสเซลแอบขโมยลูกโป่งสวรรค์ไปส่วนหนึ่ง เพื่อเหาะไปช่วยเควิน

     หลังจาก คาร์ล เปิดดูสมุดบันทึก
การผจญภัยอีกครั้ง เขาเพิ่งเห็นข้อความสุดท้ายของเอลลี่ ว่า "ขอบคุณที่ได้ร่วมผจญภัยกันมา ออกไปผจญภัยครั้งใหม่ได้แล้ว" คาร์ลจึงโยนสิ่งของหลายอย่าง ออกจากบ้าน เพื่อให้บ้านลอยขึ้นอีกครั้ง แล้วเดินทางไปช่วยรัสเซลกับเควิน โดยมีดั๊กไปด้วย เมื่อคาร์ลไปถึงเรือเหาะ ซึ่งกำลังเหาะกลับเมือง รัสเซลกำลังจะถูกทิ้งลงไป แต่คาร์ลช่วยไว้ได้ทัน คาร์ลให้รัสเซลอยู่ในบ้าน ส่วนเขาจะไปช่วยเควินเอง ชาร์ลจึงสั่งสุนัขหลายตัว ให้ขับเครื่องบินเล็กออกไปทำลายบ้าน คาร์ลได้ต่อสู้กับชาร์ลส์ ก่อนจะพาเควิน หนีขึ้นบนหลังคา รัสเซลหลอกสุนัข ให้ขับเครื่องบินชนกันเอง แล้วจึงนำบ้านเหาะขึ้นไปรับ คาร์ล เควิน และ ดั๊ก เข้าไปในบ้าน

     ชาร์ล ตามมายิง และ กระโดดเข้าไปในบ้าน คาร์ลใช้ช็อกโกแล็ต ล่อเควินให้กระโดด พารัสเซลกับดั๊กออกมา ชาร์ลรีบกระโดดตาม แต่ก็สะดุดเชือกจนตกลงไป บ้าน
จึงหลุดลอยไป คาร์ลต้องเสียบ้านที่เขารัก แต่ก็ได้เรือเหาะมาแทน ทั้งหมดจึงได้พาเควินไปหาลูก แล้วค่อยเดินทางกลับสู่เมือง ในวันงานเลื่อนขั้นลูกเสือ พ่อของรัสเซลไม่มา คาร์ลจึงทำหน้าที่แทน

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย MVD ภาพคมชัด เสียงดี แต่เล่นไม่ได้กับเครื่องเล่นบางรุ่น

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Serenity



แนวหนัง : วิทยาศาสตร์ บู๊ ผจญภัย

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ปานกลาง ถึง ค่อนข้างยาก

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในอนาคต โลกไม่สามารถรองรับมนุษย์ได้อีกต่อไป มนุษย์จึงออกสำรวจอวกาศ จนได้พบจักรวาลแห่งใหม่ มีดาวเคราะห์หลายดวง ที่สามารถปรับสภาพให้มนุษย์อยู่ได้ หมู่ดาวเคราะห์ด้านใน ถูกปกครองโดยฝ่ายพันธมิตร ผู้ที่อยู่ในหมู่ดาวเคราะห์ด้านนอก เป็นฝ่ายต่อต้าน


     ริเวอร์ แทม เด็กสาววัย ๑๗ ปี ผู้มีพลังจิตหยั่งรู้ถึงอันตรายล่วงหน้า ถูกควบคุมอยู่ภายใต้การฝึกฝน และ ทดลองของรัฐบาล (ฝ่ายพันธมิตร) จนกระทั่ง ไซม่อน พี่ชายของเธอ ซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย ปลอมตัวเข้ามาช่วยพาเธอหนีออกไป รัฐบาลจึงส่งนักฆ่าคนหนึ่งนำทีมออกตามล่า ไซม่อนพาริเวอร์ เดินทางไปกับยานอวกาศ เซเรนิตี้ ของกัปตัน มัลคอล์ม หรือ มัล ซึ่งอยู่ฝ่ายต่อต้าน มัลขอแกมบังคับไซม่อน ให้ริเวอร์ช่วยเขา ในการปล้นธนาคารแห่งหนึ่ง ริเวอร์ช่วยเตือนว่า รีฟเว่อร์ส มนุษย์กินคน กำลังมา ทุกคนจึงรีบหนี และ ต่อสู้กับรีฟเว่อร์สที่ตามมา จนสามารถขึ้นยานฯ รอดไปได้ อย่างหวุดหวิด


     เมื่อไปถึงดาวโบมอนเต้ มัลไปยังบาร์แห่งหนึ่ง เพื่อตกลงแลกเปลี่ยนสิ่งที่ปล้นมาได้ แต่เมื่อ ริเวอร์ไปถึงบาร์แห่งนั้น เธอยืนจ้องโฆษณาในโทรทัศน์ แล้วก็พูดขึ้นมาว่า "มิแรนด้า" หลังจบคำพูด ริเวอร์ก็ลงมืออย่างรวดเร็ว ทำร้ายคนในบาร์ไปมากมาย จนไซม่อนไปถึง จึงได้พูดรหัสลับที่ทำให้ ริเวอร์สลบไป มัลคอล์มอุ้มริเวอร์กลับยานฯ แล้วขังเธอเอาไว้ในห้อง


     ไซม่อน อธิบายให้ทุกคนฟังว่า ริเวอร์ กับอีกหลายๆคน ได้ถูกโปรแกรมพฤติกรรมไว้ นักบินของยานฯ ได้แนะนำให้ถามเรื่องนี้กับ มิสเตอร์ยูนิเวอร์ส แฮกเกอร์ (ผู้เจาะระบบคอมพิวเตอร์) ผู้รอบรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆมากมาย มิสเตอร์ยูนิเวอร์ส ดูภาพเหตุการณ์จากกล้องในบาร์ แล้วบอกว่า มีรหัสลับแฝงอยู่ในโฆษณาโทรทัศน์ ซึ่งแพร่ภาพออกไปทั่วจักรวาล ริเวอร์บอกกับไซม่อนว่า เธอรู้สึกเสียใจ และ บอกให้ไปถามมิแรนด้า ริเวอร์รู้ล่วงหน้าว่า เรื่องต่างๆจะแย่ลงไปอีก


     ระหว่างที่ มัล แวะไปหาเพื่อนเก่า เพื่อพูดคุย และ ขอพักอาศัย อินาร่า คนรักของมัล ได้ติดต่อมา หลังจากคุยกันสักครู่ เธอก็ชวนให้เขาแวะไปหาเธอ มัลรู้ได้ทันทีว่า เป็นกับดัก เพราะเป็นการพูดคุย โดยไม่ได้ทะเลาะกันเลย (ผิดปกติ) แต่เขาก็จะไปหาเธอ เมื่อมัลได้พบอินาร่า นักฆ่าก็ออกมา ขอให้มัลยอมมอบตัวริเวอร์แต่โดยดี มัลไม่ยอม จึงต่อสู้กัน ในขณะที่ มัลตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ธูปที่อินาร่าได้จุดเอาไว้ก่อนหน้า ก็ระเบิดควันออกมา มัลกับอินาร่าจึงพากันหนีออกไปได้

     ริเวอร์ ฝันถึงโรงเรียนอีกครั้ง เธอเห็นซากศพนอนเกลื่อนไปทั่ว สมาชิกของยานฯคนหนึ่งไม่พอใจที่ มัลยอมช่วยริเวอร์ เขาจึงแอบเปิดห้องขัง เพราะคิดจะฆ่าริเวอร์ แต่เธอรู้ล่วงหน้า จึงทำให้เขาสลบไป มัลตามหาริเวอร์จนเจอ เธอชี้ให้เขาดูภาพดาว มิแรนด้า ซึ่งไม่มีในแผนที่ แต่การเดินทางไปยังดาวมิแรนด้า จะต้องผ่านเขตของรีฟเว่อร์สด้วย


     นักฆ่า ได้ฆ่าทุกคนบนดาวต่างๆ ที่เคยให้สถานที่ซ่อนตัวแก่มัล มัลจึงสั่งให้ลูกทีมทุกคน นำศพ และ สีแดง มาตกแต่งยานเซเรนิตี้ ให้ดูเหมือนกับยานของรีฟเว่อร์ส จึงสามารถแล่นผ่านเขตของรีฟเว่อร์ส ไปลงจอดบนดาวมิแรนด้าได้ มัลตรวจพบคลื่นวิทยุอ่อนๆ จากอาคารแห่งหนึ่ง ในอาคารมีซากศพอยู่เต็มไปหมด ทุกศพดูเหมือนไม่ได้ถูกทำร้าย แต่ล้มตายไปเอง ริเวอร์เปิดดูวีดีโอ ที่นักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาล ได้บันทึกไว้ก่อนตาย ทุกคนจึงรู้ว่า ยาที่ปล่อยไปในอากาศ เพื่อลดความก้าวร้าวของมนุษย์ มีผลข้างเคียง ที่ทำให้คนบนดาวดวงนี้ ต้องตายไปถึง ๙๐% ส่วนคนที่เหลืออีก ๑๐% ก็กลายเป็นรีฟเว่อร์ส หรือ มนุษย์กินคน นั่นเอง

     มัล ต้องการเปิดโปงฝ่ายพันธมิตร โดยส่งวีดีโอนี้ ไปให้มิสเตอร์ยูนิเวอร์สช่วยแพร่ภาพ แต่หลังจาก มิสเตอร์ยูนิเวอร์สได้รับวีดีโอ เขาก็ถูกนักฆ่าสังหาร มัลแอบโจมตียานของรีฟเว่อร์ส ลำหนึ่ง ก่อนจะรีบหนีไป เพื่อล่อรีฟเว่อร์สให้ไปรบกับ กองทัพฝ่ายพันธมิตรที่นำโดยนักฆ่า ซึ่งกำลังรอจับพวกเขาอยู่ ในระหว่างการสู้รบครั้งใหญ่ ยานเซเรนิตี้ได้รับความเสียหาย แต่ก็ยังสามารถลงจอดได้


     มัล รีบเข้าไปในอาคาร พบศพของมิสเตอร์ยูนิเวอร์ส นอนตายอยู่บนตักของหุ่นยนต์สาว หุ่นยนต์สาวได้พูดกับมัล ตามข้อความที่มิสเตอร์ยูนิเวอร์ส ได้บันทึกไว้ก่อนตาย ว่า ยังมีระบบสำรองอยู่ มัลจึงต้องรีบเข้าไปเปิดระบบสำรอง ทุกคนที่เหลือจึงต้องช่วยกัน ยิงต้านรีฟเว่อร์สเอาไว้ แต่ริเวอร์กลับรู้สึกกลัวขึ้นมาพอดี พวกรีฟเว่อร์สมีจำนวนมากมาย เกินกว่าจะต้านไว้ได้ แทบทุกคนถูกยิงบาดเจ็บ รวมทั้งไซม่อนด้วย ริเวอร์จึงกระโดดพุ่งออกไปปิดประตู แล้วต่อสู้กับพวกรีฟเว่อร์สเพียงลำพัง


     มัล ต้องต่อสู้กับนักฆ่าที่ตามมาทัน มัลตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง เขาถูกนักฆ่าสกัดจุด ที่ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ร่างกายส่วนนั้นของมัลไร้ความรู้สึก เพราะเขาเคยได้รับบาดเจ็บจากสงคราม มัลจึงสามารถชนะนักฆ่าได้ แล้วจับนักฆ่าให้อยู่ในท่านั่ง เพื่อให้ดูวีดีโอที่กำลังแพร่ภาพออกไป เมื่อมัลกลับออกไป ก็พบว่า ริเวอร์ได้จัดการกับพวกรีฟเว่อร์สจนหมดเกลี้ยง ทันใดนั้น กองกำลังของฝ่ายพันธมิตรก็มาถึง และ กำลังรอคำสั่งจากนักฆ่า ถึงเวลานี้ นักฆ่าได้รู้แล้วว่า เขาถูกรัฐบาลโกหกมาตลอด จึงสั่งให้ปล่อยพวกของมัลไป

     หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพของเพื่อนๆ นักฆ่าได้มาเตือนมัลว่า รัฐบาลจะไม่ยอมหยุดตามล่ามัลอย่างแน่นอน แค่รอให้ผ่านเรื่องข่าวของดาวมิแรนด้าไปก่อน มัลนำยานเซเรนิตี้ขึ้นสู่อวกาศอีกครั้ง โดยมีริเวอร์เป็นผู้ช่วยนักบินคนใหม่

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย Catalyst ภาพคมชัด เสียงดี

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Star Kid



แนวหนัง : ตลก วิทยาศาสตร์

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ง่าย ถึง ค่อนข้างง่าย

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างปานกลาง (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     บนดวงดาวอันไกลโพ้น ชาวเทรลกิ้นส์ ถูกผู้รุกรานจากดาวอื่น บุกโจมตีอย่างหนัก นักวิทยาศาสตร์จึงส่งอาวุธต้นแบบ ออกไปในอวกาศ เพื่อไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของศัตรู หนึ่งปีผ่านไป ในคืนหนึ่ง ยานอวกาศได้ตกลงมาบนโลก ด.ช.สเปนเซอร์ ได้มาพบยานฯ ในสถานที่เก็บซากรถยนต์เก่า เมื่อยานฯเปิดออก ก็ได้เห็นหุ่นยนต์ ไซเบอร์สูท ยืนอยู่  ไซเบอร์สูทบอกกับสเปนเซอร์ ว่า ตนเป็นหุ่นยนต์ที่มีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้น ไม่สามารถเคลื่อนไหวเองได้ จะต้องควบคุมโดยสิ่งมีชีวิตเท่านั้น ไซเบอร์สูทได้เปิดแผ่นหลังของตนออก เมื่อสเปนเซอร์เดินเข้าไป แผ่นหลังก็ปิดกลับเข้าที่ สเปนเซอร์รู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ภายใน จึงพยายามดิ้น แต่เมื่อเขาตั้งสติได้ ไซเบอร์สูทก็เคลื่อนไหว ตามความคิดของเขา

     สเปนเซอร์ ซึ่งสวมไซเบอร์สูทอยู่ เริ่มรู้สึกสนุก จึงทดลองการเคลื่อนไหว และ กำลังมหาศาล จนคล่องขึ้น จากนั้น ก็ไปยังอู่ซ่อมรถ เพื่อแกล้ง เทอร์โบ เพื่อนนักเรียนของเขา ซึ่งชอบใช้กำลัง กลั่นแกล้งเขาอยู่เสมอ เมื่อทำให้ เทอร์โบ ตกใจกลัวแล้ว เขาก็ไปที่สวนสนุก เพื่อแอบมอง เด็กหญิงที่เขาแอบชอบอยู่ แต่ไซเบอร์สูทเกิดเข้าใจผิด คิดว่า คนที่ใส่ชุดไดโนเสาร์เป็นอันตราย จึงได้ใช้อาวุธยิงเข้าใส่ จนผู้คนแตกตื่น แม้จะไม่มีใครบาดเจ็บ แต่ก็ทำให้กระเช้าชิงช้าสวรรค์ตกลงมา สเปนเซอร์รีบกระโดดเข้าไป รับเอาไว้ได้ทัน เมื่อมีตำรวจมาถึง ไซเบอร์สูทก็ใช้ไอพ่นที่เท้า พุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาเดียวกัน ห่างออกไป ไม่ไกลมากนัก ได้มียานฯอีกลำหนึ่งตกลงมา

     สเปนเซอร์ ปีนหน้าต่างเข้าบ้าน เพราะคิดว่า พี่สาวของเขาอยู่ในบ้าน แต่ไซเบอร์สูทบอกว่า ไม่พบสัญญาณของสิ่งมีชีวิต (พี่สาวแอบออกไปเที่ยวแล้ว) สเปนเซอร์เล่าให้ไซเบอร์สูทฟัง ว่า แม่ของเขาตายไปเมื่อ ๒ ปีก่อน ไซเบอร์สูทจึงฉายภาพแม่ จากความทรงจำของเขาให้ดู หลังจากนั้น สเปนเซอร์ก็รู้สึกหิว จึงเดินไปเปิดตู้เย็น แต่ก็ทำให้หัวของไซเบอร์สูท ติดอยู่ในตู้เย็น จึงเดินชนทะลุผนังห้อง ชนข้าวของในบ้านพังมากมาย

     สเปนเซอร์ จึงต้องออกไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์ (แต่ไม่ได้จ่ายเงิน) แต่เนื่องจาก สเปนเซอร์ยังอยู่ในไซเบอร์สูท จึงต้องป้อนแฮมเบอร์เกอร์เข้าปากไซเบอร์สูท จากนั้น ไซเบอร์สูทก็บดแฮมเบอร์เกอร์ จนละเอียด เหลือไว้เฉพาะ ส่วนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ปั้นเป็นก้อนใส่ปากสเปนเซอร์ แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็จำใจต้องกินเข้าไป สเปนเซอร์รู้สึกปวดฉี่ จึงขอออกจากไซเบอร์สูท แต่ไซเบอร์สูทบอกว่า จะออกไปได้ก็ต่อเมื่อ เสร็จสิ้นภารกิจต่อสู้แล้วเท่านั้น

     สเปนเซอร์ จึงไปหาครูที่บ้าน เพื่อขอให้ช่วย สเปนเซอร์ได้ให้ไซเบอร์สูท อธิบายเรื่องราวต่างๆ ในขณะที่ ครูต้องช่วยแงะส่วนล่างของไซเบอร์สูท ให้เปิดช่องเล็กๆออก สเปนเซอร์จึงสามารถเข้าห้องน้ำได้ หลังจากนั้น หุ่นยนต์ทำลายล้างก็ตามมาถึง จึงเกิดการต่อสู้กัน อาวุธของไซเบอร์สูทเสียหาย แต่สเปนเซอร์ก็หนีไปได้ ไซเบอร์สูทได้อธิบายเกี่ยวกับ หุ่นยนต์ทำลายล้าง ซึ่งฝ่ายศัตรูส่งมา แล้วค่อยปล่อยสเปนเซอร์ ให้เป็นอิสระ ไซเบอร์สูทยังบอกอีก ว่า ถ้าหุ่นยนต์ทำลายล้างได้ไซเบอร์สูทไป ก็จะเอาไปดัดแปลง แล้วใช้ทำลายชาวเทรลกิ้นส์ สเปนเซอร์บอกว่า เขาช่วยอะไรไม่ได้ แล้วก็เดินจากไป

     สเปนเซอร์ กลับถึงบ้าน พบว่า พ่อกับพี่สาว และ ครู กำลังรออยู่ เขากับครูเล่าความจริงให้พ่อฟัง แต่พ่อไม่ยอมเชื่อ หลังจาก พี่สาวพูดให้กำลังใจ สเปนเซอร์ก็แอบออกไปอีก แต่ก็พบว่า เทอร์โบดักรออยู่ คราวนี้ สเปนเซอร์กล้าสู้กับเทอร์โบ และ ยังเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เทอร์โบจึงพาสเปนเซอร์ ไปขโมยรถของพ่อ แล้วขับไปตามหาไซเบอร์สูท แต่ไซเบอร์สูทถูกหุ่นยนต์ทำลายล้างเอาไปแล้ว ทั้งคู่จึงออกตามหาต่อ ไปจนถึงสถานที่เก็บซากรถ

     เทอร์โบ ช่วยล่อหุ่นยนต์ทำลายล้าง เพื่อถ่วงเวลาให้สเปนเซอร์ ได้สวมไซเบอร์สูทอีกครั้ง แล้วจึงได้ต่อสู้กัน สเปนเซอร์พลาดท่า ทำให้ไซเบอร์สูทเสียหายหนัก จนหยุดนิ่งไป เทอร์โบจึงช่วยล่อหุ่นยนต์ทำลายล้างอีกครั้ง เมื่อไซเบอร์สูทฟื้นขึ้น ก็รีบปล่อยสเปนเซอร์ออก และ บอกเขาว่า พลังสำรองใกล้หมด ระบบต่างๆล้มเหลว สเปนเซอร์จึงไปช่วยเทอร์โบ ล่อหุ่นยนต์ทำลายล้าง ให้เดินเข้าไปในรถ ที่อยู่ในเครื่องบีบอัดโลหะ แล้วเทอร์โบก็เปิดสวิทซ์ หุ่นยนต์ทำลายล้างจึงถูกทำลาย สเปนเซอร์รีบไปดูไซเบอร์สูท ซึ่งดับนิ่งไปเสียแล้ว

     ทันใดนั้น ก็มียานฯอีกลำหนึ่ง บินเข้ามาใกล้ มีมนุษย์ต่างดาวลงมาหลายคน มาซ่อมแซมไซเบอร์สูท จนฟื้นขึ้นอีกครั้ง ไซเบอร์สูทบอกสเปนเซอร์ ว่า นั่นคือชาวเทรลกิ้นส์ ผู้ที่สร้างตนขึ้นมา แล้วจึงอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ให้พวกเขาฟัง สเปนเซอร์ต้องบอกลาไซเบอร์สูท ก่อนที่ชาวเทรลกิ้นส์ จะนำไซเบอร์สูทกลับไป สเปนเซอร์กับเทอร์โบ ก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ภาพชัด เสียงดี