วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Avatar



แนวหนัง : บู๊ ผจญภัย จินตนาการ วิทยาศาสตร์

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ปานกลาง ถึง ค่อนข้างยาก

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในโลกอนาคต มนุษย์ใช้เวลาเดินทางโดยยานอวกาศ นานเกือบ ๖ ปี จึงไปถึง ดาวแพนดอร่า เจค ซัลลี่ ทหารปลดประจำการ ซึ่งเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น ได้เดินทางมาถึง ดาวแพนดอร่า เพื่อมาทำงานแทนพี่ชายฝาแฝด นักวิทยาศาสตร์ ซึ่งถูกโจรชิงทรัพย์ฆ่าตาย เจค ได้พบกับ นอร์ม นักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเคยทำงานกับพี่ชายเจคมาก่อน นอร์ม ได้พาเจคไปพบกับ เกรซ นักวิทยาศาสตร์ หัวหน้าโครงการ อวตาร เกรซ รู้สึกไม่ชอบเจค ทันทีที่ได้พบ เพราะเธอไม่ชอบทหาร เธอจึงไปพบ พาร์คเกอร์ ผู้นำของโครงการ ซึ่งได้พูดให้ เกรซ ยอมรับเจค เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จ ซึ่งจะทำให้ได้แร่ อันอ๊อบเทเนียม ที่มีราคาสูงถึง กิโลกรัมละ ๒๐ ล้านดอลล่าร์

     เจค ได้เข้าไปนอนในลิ้งก์ เพื่อเชื่อมต่อ และ ถ่ายโอนจิตของเขา ไปสู่ร่างอวตาร ที่สร้างขึ้นมาจาก DNA ของพี่ชายฝาแฝด ผสมกับชาวพื้นเมือง นาวี่ เจค ตื่นขึ้นในร่างอวตาร เขารีบยืนขึ้น โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของใคร แล้ววิ่งออกไปจากห้องทดลอง สู่สนามหญ้า และ สวนต้นไม้ เกรซ ในร่างอวตาร เดินเข้ามาทักทาย และ ชมที่ เจค สามารถใช้ร่างอวตาร ได้อย่างรวดเร็ว พอถึงเวลาใกล้ค่ำ ก็ได้เวลาที่ อวตารทั้งหมดต้องเข้านอน แล้วทุกคนก็ตื่นขึ้นในร่างมนุษย์ตามเดิม วันรุ่งขึ้น ทรูดี้ กัปตันฮ.รบ ได้พาเจคไปพบผู้พัน ผู้นำกองทัพ ซึ่งไม่ชอบโครงการอวตาร ผู้พัน สั่งให้เจค คอยรายงานเขา ทุกเรื่องในโครงการฯ โดยเสนอผลตอบแทน เป็นการผ่าตัดรักษา ให้เจคกลับมาเดินได้ดังเดิม หลังจากเสร็จงานนี้

     เกรซ เจค และ นอร์ม ในร่างอวตาร ลงจากฮ.ในป่า ที่นั่น มีสัตว์แปลกๆมากมาย ในขณะที่ เกรซกับนอร์ม กำลังสำรวจพืชชนิดต่างๆ เจค รู้สึกเบื่อ เขาจึงเดินแยกไปตามลำพัง จนได้พบสัตว์คล้ายแรดขนาดใหญ่ แต่แล้วพวกมันก็ถอยไป เพราะมีสัตว์คล้ายสิงโต มาทางด้านหลังของเจค เขาจึงวิ่งหนีไปไกล และ กระโดดลงไปยัง ด้านล่างของน้ำตก ก่อนจะว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แล้วเดินต่อไปจนค่ำ เจค ได้ทำคบเพลิงส่องทาง มีสัตว์คล้ายหมาป่าฝูงใหญ่ ล้อมรอบตัวเขา เจค จึงต้องต่อสู้ จนกระทั่ง เนเทียรี่ สาวชาวนาวี่ ได้เข้ามาช่วยเจคเอาไว้ เธอดับไฟคบเพลิงของเขา เจค จึงได้เห็นความงดงามของ ป่าเรื่องแสง เป็นครั้งแรก เนเทียรี่ กล่าวโทษเจคว่า สัตว์เหล่านั้นยังไม่สมควรตาย เขาจึงถามว่า ทำไมเธอจึงช่วยเขา เนเทียรี่ ตอบว่า เพราะเขามีหัวใจที่เข้มแข็ง แต่โง่เหมือนเด็กทารก แล้วเธอก็เดินไป


     เจค เดินตามเนเทียรี่ไป แม้เธอจะไล่ให้เขากลับ แต่เขาก็ยังตามเธอต่อ แล้วจู่ๆก็มีเมล็ดพันธุ์ไม้ศักสิทธิ์ ซึ่งเป็นวิญญาณบริสุทธิ์ ลอยมาเกาะ ตามร่างกายของเจค เนเทียรี่ บอกให้เขายื่นนิ่งๆ จนกระทั่ง เมล็ดพันธุ์ไม้เหล่านั้น ลอยจากไป เนเทียรี่ จึงบอกให้เจค เดินตามเธอไป เจค ถูกเชือกรัดเท้า จนสะดุดหกล้ม ซูเตย์กับพวก (ชาวนาวี่) จะทำร้ายเจค แต่เนเทียรี่ห้ามไว้ แล้วพากันไปพบ พ่อของเนเทียรี่ ซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่า แม่ของเนเทียรี่ ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของเผ่า เมื่อรู้ว่า เจค เป็นทหาร จึงสั่งให้เนเทียรี่ เป็นผู้สอน การใช้ชีวิตของชาวนาวี่ ให้กับเจค เธอได้พาเขา ไปยังที่นอนของชาวเผ่า ซึ่งเหมือนกับเปล ที่ผูกอยู่บนต้นไม้ เมื่อร่างอวตารของเจค หลับไป เขาก็ตื่นขึ้นมาในร่างเดิม เมื่อ เจค เล่าเรื่องราวต่างๆให้ทุกคนฟัง เกรซ รู้สึกพอใจมาก ที่เขาสามารถเข้าถึงชาวนาวี่ ได้มากกว่าทุกคน หลังจากนั้น เจค ก็ต้องไปรายงานกับผู้พันด้วย ผู้พัน ได้บอกกับเขาว่า หมู่บ้านของชาวนาวี่ ตั้งอยู่บนแหล่งแร่ อันอ๊อบเทเนียม ผู้พัน จึงให้เวลาเจค ๓ เดือน ในการเกลี้ยกล่อม ให้ชาวนาวี่ ย้ายออกไป

     เนเทียรี่ สอนให้เจค ขี่สัตว์ที่คล้ายม้าแต่มี ๖ ขา เธอบอกให้เขา ใช้เส้นประสาทที่ปลายผมเปีย เชื่อมสัมพันธ์กับสัตว์ และ ได้สอนเรื่องต่างๆ อีกมากมายทุกวัน เจค ก็ต้องไปรายงานกับผู้พัน ทุกวันเช่นกัน เมื่อ เกรซ รู้เข้า จึงรู้สึกไม่พอใจ สั่งให้ย้ายที่ทำงาน ไปยังฐานบนภูเขาลอยฟ้า เมื่อ เจค เข้าสู่ร่างอวตาร เนเทียรี่ ก็พาเขาไปหา อิกราน สัตว์ที่ดูคล้ายไดโนเสาร์บินได้ เธอบอกเขาว่า เขาจะต้องเลือกอิกราน เมื่อเลือกได้แล้ว อิกรานตัวนั้น จะซื่อสัตย์ต่อเขา ไปตลอดชีวิต เนเทียรี่ สอนวิธีบิน แล้วพากันบินไป จนผ่านต้นรุกขชาติ วันรุ่งขึ้น ก็ฝึกบินกันต่อ และ ได้เจอ โทรุค สัตว์ที่คล้ายอิกราน แต่ตัวใหญ่กว่า คุร้ายกว่า ทั้งคู่ต้องบินหนี ลงไปหลบในป่า เนเทียรี่ จึงเล่าให้เจคฟังว่า ปู่ทวดของเธอ เป็นคนสุดท้าย ที่เคยขี่โทรุคได้ ซึ่งเรียกกันว่า โทรุคมัคโต


     เจค ถูกเรียกให้ไปพบผู้พัน ผู้พัน บอกให้เขา เลิกทำโครงการอวตารได้แล้ว แต่ เจค ขอเวลาอีก ๑ วัน วันรุ่งขึ้น เจค ได้ผ่านการทำพิธี จนได้รับการยอมรับ ให้เป็นชาวนาวี่โดยสมบูรณ์ ในตอนค่ำ เนเทียรี่ พาเจคไปยังต้นรุกขชาติเรืองแสง เชื่อสัมพันธ์กับต้นรุกขชาติ จนได้ยินเสียงของเด็กๆ จากนั้น ก็คุยกันต่อ แล้วนอนด้วยกัน เจค จึงตื่นขึ้นมาในร่างเดิม

     เช้าวันรุ่งขึ้น มีทหารบุกโค่นต้นไม้ เข้าใกล้ต้นรุกขชาติ เนเทียรี่ พยายามปลุกให้ ร่างอวตารของเจคตื่น จนเมื่อ เจค เข้าสู่ร่างอวตาร เขาก็ไม่สามารถ หยุดทหารเหล่านั้นได้ ชาวนาวี่ ได้ประชุม และ ตกลงที่จะต่อสู้ แม้ เกรซกับเจค จะพยายามห้าม ก็ไม่มีใครฟัง ในขณะเดียวกัน ผู้พัน ก็ได้นำกำลัง บุกไปยังฐานบนภูเขาลอยฟ้า เขาปิดลิ้งก์ทั้งหมด และ ยังได้จับตัวทุกคนเอาไว้ เกรซ พยายามอธิบายถึง ความเชื่อมโยงระหว่าง ชาวนาวี่กับธรรมชาติ ให้พาร์คเกอร์ฟัง แต่เขาก็ไม่เชื่อ ผู้พัน จึงเปิดวีดีโอ ที่เจคบันทึกประจำวันเอาไว้ ในวีดีโอนั้น เจค พูดว่า ไม่ว่ายังไง ชาวนาวี่ ก็ไม่ยอมย้ายเด็ดขาด พาร์คเกอร์ จึงอนุญาตให้ทหารบุกโจมตี เกรซกับเจค จึงขอเวลา ๑ ชั่วโมง เพื่อเจรจาขอให้ ชาวนาวี่ย้ายออกไป

     เมื่อ เจค ได้เข้าสู่ร่างอวตาร เขาสารภาพกับชาวนาวี่ ว่า การที่เขามาที่นี่ตั้งแต่แรกนั้น เป็นแผนการที่จะ ทำให้ชาวนาวี่ย้ายออกไป เนเทียรี่ และ ชาวนาวี่ จึงรู้สึกผิดหวัง และ โกรธมาก จึงได้จับ เจคกับเกรซ มัดเอาไว้ ทันใดนั้น ผู้พัน ก็นำกองทัพมา ทั้งทางบก และ ทางอากาศ ยิงแก๊สน้ำตาใส่ชาวนาวี่ ชาวนาวี่ ยิงธนูตอบโต้ แต่ก็ไม่เป็นผล ผู้พัน จึงสั่งยิงถล่ม เมื่อเห็นว่า ไม่มีทางจะสู้ได้เลย แม่ของเนเทียรี่ จึงปลดปล่อยเจค และ เกรซ พร้อมกับขอให้ เจค ช่วยชาวนาวี่ด้วย กองทัพอากาศ ยิงถล่มต้นไม้ยักษ์ จนล้มลง พ่อของเนเทียรี่ เสียชีวิต เนเทียรี่ จึงร้องไห้ และ ไล่เจคให้ไปไกลๆ


     ทหารส่วนหนึ่ง บุกไปถึงฐานบนภูเขาลอยฟ้า ปิดลิ้งก์ทั้งหมด และ จับทุกคนขังไว้ ต่อมา ทรูดี้ ได้แอบช่วยพาทุกคนหนีขึ้นฮ. เกรซ ถูกผู้พันยิง บาดเจ็บสาหัส ทรูดี้ เจค และ นอร์ม ช่วยกันย้ายฐาน ไปไว้บนพื้นป่า ส่วนชาวนาวี่ ก็อพยพไปอยู่กับ เอวา เทพผู้สิงสถิตย์ อยู่ในต้นรุกขชาติ เจค ได้เข้าสู่ร่างอวตาร แล้วขี่อิกรานบินออกไป ตามหาจนพบโทรุค ในขณะที่ ชาวนาวี่ กำลังสวดอ้อนวอน ขอให้เอวาช่วยคุ้มครอง โทรุค ก็บินร่อนลงมา เมื่อ เนเทียรี่ และ ชาวนาวี่ เห็นว่า เจค เป็นโทรุคมัคโต จึงยอมให้เขาเป็นผู้นำ เจค ได้ขอให้ช่วยชีวิตเกรซ ชาวนาวี่ จึงช่วยกันสวดอ้อนวอนต่อเอวา แต่ร่างกายของเกรซ อ่อนแอเกินไป ก่อนสิ้นใจ เกรซ บอกกับเจคว่า เธอได้พบเอวาแล้ว หลังจากนั้น เจค ได้บอกกับชาวนาวี่ ว่า ให้ไปบอกเผ่าอื่น ว่า โทรุคมัคโต ขอให้มาร่วมรบด้วยกัน ทุกเผ่าได้ตอบรับ เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ในระหว่างที่ ผู้พัน กำลังเตรียมการบุกครั้งใหญ่ เจค ได้อ้อนวอน ขอให้เอวาช่วยพวกเขาด้วย

     การรบครั้งใหญ่ที่ดุเดือด ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว อิกรานของเนเทียรี่ ถูกยิงตกในป่า ท่ามกลางสมรภูมิรบ กองทัพของชนพื้นเมืองพ่ายแพ้ แต่แล้ว สัตว์ต่างๆจำนวนมากมาย ก็กรูกันเข้ามาช่วยรบ เนเทียรี่ จึงรู้ว่า เอวา ได้ตอบรับคำขอของเจคแล้ว ส่วน เจค ก็ได้ระเบิดเครื่องบินรบของผู้พันตก แต่ผู้พัน ก็บังคับหุ่นยนต์ กระโดดลงมาได้ทันพอดี ผู้พัน เห็นฐานอยู่ใกล้ๆ จึงจะตรงเข้าไปทำลาย เนเทียรี่ ขี่สัตว์คล้ายสิงโต เข้าขัดขวาง จึงต่อสู้กัน จนสัตว์คล้ายสิงโตถูกฆ่าตาย ผู้พัน จึงจะฆ่าเนเทียรี่ด้วย ทันใดนั้น เจค ก็เข้ามาช่วยไว้พอดี ในระหว่างการต่อสู้ ผู้พัน ฉวยโอกาส ทำให้ลิงก์เสียหาย แล้วจึงจับเจคไว้ได้ เนเทียรี่ จึงยิงธนู ๒ ดอก สังหารผู้พันจนสิ้นใจ เจค กลับเข้าร่างเดิม แต่เพราะอากาศเป็นพิษต่อมนุษย์ ทำให้เจคหมดสติไป เนเทียรี่ รีบเข้าไปช่วย ใส่หน้ากากป้องกันอากาศพิษให้เจค เขาจึงฟื้นขึ้นมา หลังจากนั้น ก็ได้ส่งตัว พาร์คเกอร์ และ เหล่าทหาร ขึ้นยานกลับสู่โลกจนเสร็จ เจค ก็ได้เข้าพิธี ย้ายจิตของเขา ผ่านเอวา เข้าสู่ร่างอวตารอย่างถาวร

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย Catalyst ภาพคมชัดมาก เสียงดีมาก

วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Impostor



แนวหนัง : วิทยาศาสตร์ ตื่นเต้น

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ปานกลาง ถึง ค่อนข้างยาก

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในอนาคต โลกถูกโจมตีโดย มนุษย์ต่างดาวชาวเซนทอรี่ มนุษย์ที่เหลือรอดชีวิตส่วนใหญ่ ต้องอาศัยอยู่ในเมือง ที่มีเกราะป้องกันปกคลุม ในเช้าวันหนึ่ง ของปี 2079 มีข่าวไฟไฟม้ป่า สเปนเซอร์ นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ ได้ประสบความสำเร็จ ในการประดิษฐ์อาวุธ ที่มีพลังทำลายล้างสูงสุด เขาจะได้เข้าพบ รัฐมนตรี ที่กำลังเดินทางมาเยี่ยมชมผลงาน เมื่อเดินทางไปถึงที่ทำงาน สเปนเซอร์ คุยกับเพื่อนสนิทของเขา ถึงเรื่องข่าวไฟไฟม้ป่า ว่า เขากับมายา ภรรยาของเขา เพิ่งจะไปตั้งแคมป์ที่นั่นมา แต่ยังไม่ทันไร สเปนเซอร์ ก็ถูกผู้พันแฮตทาเวย์ จับตัวมัดไว้กับเก้าอี้ และ กล่าวหาว่า เขาเป็นหุ่นยนต์ต่างดาว ที่ถูกส่งมาพร้อมกับ ระเบิดในหัวใจ เพื่อลอบสังหารรัฐมนตรี โดยที่เขาก็ไม่รู้ตัวว่า เป็นหุ่นยนต์ จึงจะต้องควักหัวใจของเขาออกมา

     ไม่ว่า สเปนเซอร์ จะพูดอย่างไร ก็ไม่มีใครยอมเชื่อ แม้กระทั่ง เพื่อนสนิทของเขาเอง เมื่อเห็นว่า ไม่มีทางอื่นแล้ว เขาจึงแกล้งพูด เหมือนเป็นหุ่นยนต์ต่างดาว ในขณะที่ เขากำลังถูกพา ไปขึ้นเตียง เขาก็ต่อสู้ และ แย่งปืน หลบหนีไปได้ สเปนเซอร์ หนีออกไปทางอุโมงค์ เขาพยายามโทร.หามายา แต่ก็สายหลุดเสียก่อนที่จะ คุยกันรู้เรื่อง สเปนเซอร์ จึงต้องหนีออกไป นอกเขตเกราะป้องกัน เขาเดินผ่านเครื่องสแกนซิมโค้ด โดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้พันฯรู้ว่า เขาไปทางไหน สเปนเซอร์ เข้าไปซ่อนตัวในตึกแห่งหนึ่ง ผู้พันฯนำกำลังทหาร ไปตรวจค้น โดยการสแกนทั้งตึก แต่ก็พบเพียงเด็กผู้หญิง เพราะสเปนเซอร์ ได้ถูกคนกลุ่มหนึ่ง จับตัวไปก่อนแล้ว

     เคล ชายผิวดำ หัวหน้ากลุ่ม ทำการเช็คประวัติของสเปนเซอร์ แล้วจึงคิดจะนำตัวเขา ไปแลกเงินรางวัล สเปนเซอร์ รู้ว่า คนเหล่านี้อยู่ภายนอกเขตเมือง ซึ่งขาดแคลนยารักษาโรค เขาจึงบอกกับเคล ว่า ภรรยาของเขาเป็นหมอ สามารถช่วยหายาให้ได้ เคล จึงพาสเปนเซอร์ ไปผ่าเอาซิมโค้ด ออกจากร่างกายของเขา เพื่อไม่ให้เครื่องสแกนตรวจพบ สเปนเซอร์ ได้ขอเก็บซิมโค้ดเอาไว้ เป็นที่ระลึก จากนั้น เคล ก็พาเขาเดินทางไปในอุโมงค์ เคล ได้แวะคุยกับคนรู้จัก ที่กำลังเดินผ่านไป แล้วหันมาจ่อปืนใส่สเปนเซอร์ เพื่อบังคับให้เขา บอกความจริงเรื่องที่หนีมา แต่ยังไม่ทันไร คนรู้จักของเคล ก็ย้อนกลับมา ทำร้ายเคล และ สเปนเซอร์ จึงเกิดการต่อสู้กัน


     เมื่อชนะการต่อสู้แล้ว เคล ก็พาสเปนเซอร์ ปลอมตัวเข้าเมือง ซึ่งมีคนพลุกพล่าน จนได้เห็นผู้พันฯ และ ทหารอีกหลายคน สเปนเซอร์ จึงเดินสวนเข้าไป กระทบไหล่กับผู้พันฯ แอบใส่ซิมโค้ดไว้ใน กระเป๋าเสื้อของผู้พันฯ จึงสามารถหลอกให้ ผู้พันฯพาทหาร วิ่งตามหาเขาไปทั่ว แล้วเขาก็พาเคล เข้าโรงพยาบาล ผ่านเส้นทางลับ โดยปลอมตัวเป็นคนป่วย สเปนเซอร์ พาเคลเข้าไปในห้องเก็บยา แล้วค่อยแยกไปค้นหาหลักฐาน ที่เขาเคยสแกน โมเลกุลร่างกายของเขาไว้ เมื่อ ๓ ปีก่อน สเปนเซอร์ ได้บังคับให้หมอคนหนึ่ง ช่วยทำการสแกน โมเลกุลร่างกายของเขา เพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลเก่า แต่ยังไม่ทันได้สแกนเสร็จ เคล ก็เข้ามาบอกให้หนี ทันใดนั้น รปภ.ที่หมอ แอบบอกให้พยาบาลไปเรียก ก็เข้ามาในห้อง จึงเกิดการต่อสู้กัน เคล ถูกแทงบาดเจ็บ แต่ก็ยังเดินไหว จึงแยกจากไป

     หลังจากนั้น ผู้พันฯก็มาถึง สเปนเซอร์ จึงต้องหนีต่อไป เขาได้โทร.นัดให้ มายา ไปพบกับเขา ในเขตป่า ที่เคยไปตั้งแคมป์ด้วยกัน สเปนเซอร์ บอกมายาว่า เขาจะต้องค้นหายานต่างดาว ที่ตกลงมา ซึ่งเป็นสาเหตุของไฟไฟม้ป่า เพื่อพิสูจน์ว่า มนุษย์ต่างดาวได้ตายไปแล้ว และ เขาคือตัวจริง ทันใดนั้น เหล่าทหารก็มาถึง สเปนเซอร์ จึงรีบหนีไปกับมายา จนไปพบกับซากยานต่างดาว เขาพยายามหา ร่างของนักบิน ผู้พันฯก็ได้ส่งเสียง ตะโกนเรียกเขา และ บอกว่า เกิดการผิดพลาด ในการถอดรหัสต่างดาว  สเปนเซอร์ เป็นเพียงเหยื่อล่อเท่านั้น

     ทันใดนั้นเอง สเปนเซอร์ ก็ได้พบศพของมายา ทหารจึงยิงมายาตัวปลอมจนตาย สเปนเซอร์ กอดร่างของมายาตัวปลอม ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ หลังจากนั้น ทหารก็ส่งเสียงเรียกผู้พันฯ และ บอกว่า พบศพอีกหนึ่งศพ ซึ่งก็คือ สเปนเซอร์ นั่นเอง เมื่อสเปนเซอร์ ได้เห็นศพของตัวเอง จึงรู้ว่าเขาคือ หุ่นยนต์ต่างดาว แล้วก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงมหาศาล หลังจากนั้น ในวันรุ่งขึ้น ก็มีข่าวการตาย ของทุกคนในป่าแห่งนั้น

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย BOX OF FUN ภาพคมชัด เสียงดี

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

The Chronicles of Narnia: Prince Caspian



แนวหนัง (ภาค ๒) : ผจญภัย จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ลอร์ดมิราซ ผู้สำเร็จราชการแห่งเทลมารีน ได้ลูกชายคนแรก จึงออกคำสั่งให้นายพลคนสนิท นำทหารไปลอบสังหาร เจ้าชายแคสเปี้ยน ผู้เป็นหลาน และ รัชทายาท ถึงในห้องนอน เพื่อให้ลูกชายได้เป็นรัชทายาทแทน แต่อาจารย์ของเจ้าชายรู้ทัน จึงแอบปลุกเจ้าชาย แล้วบอกให้หนีไปนาร์เนีย โดยได้มอบแตรงาช้างของ ราชินีซูซานแห่งนาร์เนีย ให้นำติดตัวไปด้วย เจ้าชายแคสเปี้ยน ขี่ม้าหนีออกนอกเมือง โดยมีทหารออกตามล่าอยู่ไม่ห่างนัก เจ้าชายแคสเปี้ยน หนีเข้าป่า และ พลาดตกม้า จนได้พบกับ คนแคระ ๒ คน เขาจึงเป่าแตรงาช้าง เพื่อขอความช่วยเหลือ ก่อนจะถูกคนแคระฟาดสลบไป ส่วนคนแคระอีกคน ก็ถูกทหารเทลมารีน จับตัวกลับไปแทน

     ในประเทศอังกฤษ เป็นเวลา ๑ ปีแล้ว หลังจากที่ พี่น้องตระกูลพีเวนซี่ ได้กลับออกมาจาก นาร์เนีย ลูซี่ วิ่งมาตามซูซาน ให้ไปดูปีเตอร์กับเอ๊ดมันด์ ซึ่งกำลังมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น ในสถานีรถไฟใต้ดิน เมื่อมีเสียงตำรวจมา การต่อสู้จึงยุติลง พี่น้องทั้งสี่ จึงนั่งคุยกัน อยู่ดีๆ ลูซี่ ก็ส่งเสียงร้องดัง เพราะเธอรู้สึกเหมือน ถูกหยิกอย่างแรง ทันใดนั้น รถไฟก็แล่นผ่านไป สถานีรถไฟก็กลายเป็นถ้ำ พี่น้องทั้งสี่ มองเห็นชายหาด และ ทะเล ที่สวยงามมาก ทั้งสี่คนรู้ทันทีว่า พวกเขาได้เข้ามาอยู่ในนาร์เนียอีกครั้งแล้ว ในขณะที่ทุกคน กำลังเล่นน้ำกันสนุกสนาน ก็เงยหน้าขึ้นไปเห็น ซากปรักหักพังของปราสาทแห่งหนึ่ง อยู่บนหน้าผา ทั้งสี่คนจึงขึ้นไปดูกัน ลูซี่ เป็นคนแรกที่จำได้ จึงบอกกับพี่ๆว่า ซากปรักหักพังก็คือ ปราสาทแคร์พาราเวล ที่พวกเขาเคยครองบัลลังก์ร่วมกันนั่นเอง

     ลอร์ดมิราซ นำตัวคนแคระ ทรัมป์คิน ไปแสดงตัว ให้เหล่าสมาชิกสภาได้เห็น และ บอกว่า เจ้าชายแคสเปี้ยน ถูกชาวนาร์เนีย ลักพาตัวไป จากนั้น ก็สั่งให้ทหาร ๒ คน นำตัวทรัมป์คินลงเรือ เอาไปโยนลงแม่น้ำ แต่พี่น้องตระกูลพีเวนซี่ มาเห็นเข้า จึงช่วยไว้ได้ทันพอดี ทั้งห้าคนจึงลงเรือพายไปด้วยกัน ทรัมป์คิน ได้เล่าให้ฟัง ว่า หลังสิ้นยุคการปกครองของพี่น้องทั้งสี่ ชาวเทลมารีน ก็บุกโจมตีนาร์เนีย จนชาวนาร์เนียที่เหลือ ต้องถอยร่นเข้าป่าไป

     เจ้าชายแคสเปี้ยน ฟื้นขึ้นมาเห็นคนแคระ นิกกาบริท กำลังคุยกับแบดเจอร์ซึ่งพูดได้ เขาจึงพยายามหนี แต่ก็ถูกขัดขวางไว้ จึงต้องเล่าเรื่องที่เขา คือ เจ้าชายแคสเปี้ยนที่ ๑๐ ที่ถูกอาของตนแย่งชิงบัลลังก์ จนต้องหนีมา นิกกาบริทกับแบดเจอร์ จึงตกลงจะพาเจ้าชายแคสเปี้ยน ไปพบกับชาวนาร์เนียที่เหลืออยู่ ในระหว่างเดินทาง ทหารเทลมารีน ก็ตามเข้ามาใกล้ แต่อยู่ดีๆ ทหารเหล่านั้น ก็ค่อยๆล้มตายทีละคน ท่ามกลางพงหญ้า ด้วยฝีมือของหนูพูดได้ ริพีชี้พ เจ้าชายแคสเปี้ยน จึงได้ไปพบกับชาวนาร์เนียที่เหลืออยู่ และ ได้พูดจน เซนทอร์ (คนครึ่งม้า) ยอมให้เขาเป็นผู้นำของชาวนาร์เนีย

     ขณะที่ พี่น้องทั้งสี่ เดินทางมาถึงหน้าผาสูง ที่ถูกตัดผ่านโดยแม่น้ำ ลูซี่ ได้เห็นอัสลาน จึงหันไปเรียกให้พี่ๆดู แต่พอหันกลับไปอีกครั้ง ก็ไม่เห็นแล้ว จึงทำให้ไม่มีใครเชื่อลูซี่ นอกจากเอ๊ดมันด์ ปีเตอร์ จึงบอกให้ทรัมป์คิน นำทางอ้อมไปยัง จุดที่แม่น้ำตื้นที่สุด แต่เมื่อไปถึง ก็พบว่า ทหารเทลมารีน กำลังก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ ปึเตอร์ จึงยอมให้ลูซี่ พากลับไปเส้นทางเดิม ลูซี่ เดินไปยืนตรงจุด ที่เธอเห็นอัสลาน แล้วก็ตกลงไปในร่องตื้นๆ จนสามารถเห็นทางเดินลงจากหน้าผา ไปยังพื้นเบื้องล่าง

     ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ลูซี่ ตื่นขึ้น ในขณะที่ทุกคนยังนอนหลับอยู่ ลูซี่ เดินไปเห็นนางไม้ เหล่าต้นไม้ ก็ได้เปิดทางเดินให้ลูซี่ จนได้ไปพบกับอัสลาน แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยกันมากนัก ลูซี่ ก็ตื่นขึ้นที่เดิม แต่คราวนี้ เมื่อ ลูซี่ เดินไปตามทางเดิม ปีเตอร์ แอบตามไปด้วย จนได้พบ และ ประดาบกับเจ้าชายแคสเปี้ยน ลูซี่ ได้ร้องห้ามไว้ เพราะได้เห็นชาวนาร์เนียที่เหลืออยู่ เจ้าชายแคสเปี้ยน จึงได้รู้ว่า ทั้งสี่คน คือ ราชา และ ราชินี แห่งนาร์เนีย แล้วจึงร่วมกันวางแผน แอบลอบขโมยอาวุธ จากค่ายทหารเทลมารีน ที่กำลังสร้างสะพานอยู่ เมื่อลอร์ดมิราซ รู้ว่า อาวุธจำนวนหนึ่งถูกขโมยไป จึงบอกกับลอร์ดโซเปสเปี้ยน ว่า เจ้าชายแคสเปี้ยน ได้สมคบกับชาวนาร์เนียแล้ว


     พี่น้องทั้งสี่กับเจ้าชายแคสเปี้ยน และ ชาวนาร์เนีย ได้เดินทางไปยังปราสาท ซึ่งสร้างครอบโต๊ะศิลาเอาไว้ แล้วในคืนเดียวกันนั้น ปีเตอร์ ก็ได้นำกำลังส่วนหนึ่ง ลอบบุกเข้าโจมตีภายใน ปราสาทเทลมารีน เจ้าชายแคสเปี้ยน ได้เข้าไปช่วยอาจารย์ ออกจากห้องขัง แล้วจึงรู้ว่า พ่อของเขาถูกอาฆ่าตาย ด้วยความแค้น ทำให้เจ้าชายแคสเปี้ยน ไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้ แต่กลับบุกไปยัง ห้องนอนของลอร์ดมิราซ แต่ ลอร์ดมิราซ ก็หลบหนีออกจากห้องไปได้ การต่อสู้ระหว่าง ชาวนาร์เนียกับทหารเทลมารีน ได้ดำเนินไปอย่างดุเดือด แต่ในที่สุด ด้วยจำนวนที่น้อยกว่า ชาวนาร์เนีย จึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และ ต้องล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ปีเตอร์ ซูซาน เอ็ดมันด์ และ เจ้าชายแคสเปี้ยน จึงต้องรีบถอยทัพกลับไป

     เมื่อกลับไปถึงปราสาท ปีเตอร์ และ เจ้าชายแคสเปี้ยน ต่างก็กล่าวโทษ ว่า อีกคนเป็นฝ่ายผิด ทำให้แพ้ศึกครั้งนี้ ทั้งคู่จึงทะเลาะกัน ทางด้าน ลอร์ดมิราซ ก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นราชา ขณะเดียวกัน การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ ก็เสร็จพอดี จึงได้สั่งยกกองทัพบุกนาร์เนีย นิกกาบริท ได้หลอกให้เจ้าชายแคสเปี้ยน ยอมใช้เลือดของเขา ทำพิธีปลุกวิญญาณแม่มดขาว โดยหวังจะให้ช่วยรบกับลอร์ดมิราซ แต่ในระหว่างที่กำลังทำพิธีอยู่นั้น ปีเตอร์ เอ๊ดมันด์ และ ทรัมป์คิน ก็เข้ามาขัดขวางไว้ทันเวลา เอ๊ดมันด์ ได้ทำลายก้อนน้ำแข็ง ที่มีวิญญาณแม่มดอยู่ภายใน ทำให้ปีเตอร์ และ เจ้าชายแคสเปี้ยน รู้สึกตัวว่า เกือบจะหลงกลแม่มดไปแล้ว

     เมื่อกองทัพเทลมารีนเข้ามาใกล้ เจ้าชายแคสเปี้ยน ได้เสนอแผนถ่วงเวลาให้ ปีเตอร์ ท้าดวลกับราชามิราซ พร้อมกับให้ ลูซี่ และ ซูซาน ขี่ม้าเข้าป่าไปหาอัสลาน แต่ในระหว่างทาง ทหารเทลมารีนส่วนหนึ่ง ก็ตามไปทัน ซูซาน จึงบอกให้ลูซี่ ขี่ม้าต่อไปตามลำพัง ส่วนซูซานก็อยู่สู้กับทหาร โดยมี เจ้าชายแคสเปี้ยน ตามไปช่วยอีกแรง แล้วจึงพาซูซานกลับไป ในขณะเดียวกัน ปีเตอร์ ก็กำลังต่อสู้กับมิราซ อย่างดุเดือด ในที่สุด มิราซ ก็ตกเป็นฝ่ายแพ้ จึงคิดจะแอบลอบทำร้ายปีเตอร์ จากด้านหลัง แต่ ปีเตอร์ ก็หันกลับมาสู้ได้ทัน แล้วจึงส่งดาบให้เจ้าชายแคสเปี้ยน เพื่อชำระความแค้น แต่แล้ว เจ้าชายแคสเปี้ยน ก็เปลี่ยนใจ ไม่ฆ่ามิราซ เพราะไม่อยากเป็นคนเลวเหมือนเขา แต่ยังไม่ทันไร ลอร์ดโซเปสเปี้ยน ก็เข้ามาประคองมิราซ แล้วแอบแทงมิราซจนตาย พร้อมกับร้องตะโกนว่า ชาวนาร์เนีย เป็นคนลอบฆ่ามิราซ

     การสู้รบระหว่าง กองทัพเทลมารีน กับชาวนาร์เนีย จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ กองทัพเทลมารีน มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า และ ยังมีเครื่องดีดหิน ที่สามารถทำลายปราสาทได้ ทำให้กองทัพชาวนาร์เนีย ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก ในระหว่างนั้น ลูซี่ ก็ได้พบอัสลาน อัสลาน จึงสั่งให้ต้นไม้ใหญ่ มาช่วยรบ ทำให้ชาวนาร์เนีย กลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ จนทหารเทลมารีนต้องถอยทัพ ไปจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ ซึ่งก็มี ลูซี่ และ อัสลาน ยืนขวางอยู่อีกฝั่ง ลอร์ดโซเปสเปี้ยน ได้สั่งกองทัพขึ้นสะพาน อัสลาน จึงส่งเสียงคำราม เรียกเทพแห่งแม่น้ำมา ยกสะพานขึ้น และ ทำลายสะพาน จนพังไปพร้อมกับลอร์ดโซเปสเปี้ยน เหล่าทหารเทลมารีนที่เหลือ จึงยอมจำนนแต่โดยดี

     หลังจากที่ อัสลาน ได้แต่งตั้งให้เจ้าชายแคสเปี้ยน เป็นราชาแคสเปี้ยนแล้ว เหล่าหนูพูดได้จำนวนหนึ่ง ก็ได้หามริพีชี้พ ซึ่งบาดเจ็บสาหัส เข้ามาพบอัสลาน ลูซี่ จึงรีบหยดน้ำหวานจากดอกไม้ไฟ รักษาริพีชี้พจนหายดี แต่หางของริพีชี้พที่ถูกตัดขาดไป ก็ไม่ได้งอกขึ้นมาใหม่ เหล่าหนูพูดได้ จึงจะยอมตัดหางของตัวเองด้วย อัสลาน จึงเห็นแก่หนูทั้งหลาย เสกหางใหม่ให้ริพีชี้พ อัสลาน ได้บอกกับปีเตอร์ และ ซูซาน ว่า ทั้งสองคนจะไม่ได้ กลับเข้ามาในนาร์เนียอีก เพราะทั้งคู่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลังจากนั้น อัสลานก็ได้ส่งพี่น้องทั้งสี่ กลับสู่สถานีรถไฟดังเดิม

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ภาพคมชัด เสียงดี

วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe



แนวหนัง (ภาค ๑) : ผจญภัย จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในสมัยสงครามโลก ครอบครัวพีเว็นซี่ ต้องคอยหลบเครื่องบินทิ้งระเบิด เหมือนกับครอบครัวอื่นๆในลอนดอน ผู้เป็นแม่จึงได้ส่งลูกๆทั้ง ๔ คน ประกอบด้วย ปีเตอร์ ซูซาน เอ๊ดมันด์ และ ลูซี่ ขึ้นรถไฟไปสู่ชนบท เพื่ออาศัยอยู่กับ ศจ.เคิร์ก โดยมีแม่บ้านเจ้าระเบียบ มารับที่สถานีรถไฟ ในวันรุ่งขึ้น ขณะที่ เด็กๆกำลังเล่นซ่อนหากันอยู่ ลูซี่ น้องสาวคนเล็ก ก็ได้พบห้องที่โล่งว่าง มีเพียงตู้เสื้อผ้าที่สวยสะดุดตา อยู่ท้ายห้อง ลูซี่ จึงเข้าไปแอบในตู้ ในขณะที่ เธอค่อยๆเดินถอยหลัง เพื่อจะเข้าไปซ่อน ให้ลึกยิ่งขึ้น ลูซี่ ก็ชนเข้ากับต้นไม้ เมื่อเธอหันหลังไปมอง ก็พบว่า เธอได้อยู่นอกห้อง ในสถานที่กว้างใหญ่ ท่ามกลางต้นไม้ และ หิมะขาวโพลน

     ลูซี่ เดินไปจนถึงเสาไฟต้นหนึ่ง แล้วเธอก็ตกใจ วิ่งเข้าไปหลบหลังเสาไฟ เพราะเธอเห็นอะไรบางอย่าง วิ่งผ่านไป ลูซี่ เห็นคนหลบอยู่หลังต้นไม้ เธอจึงก้าวออกมาดู แล้วพูดคุยทักทายกัน ชายผู้มีร่างกายท่อนล่าง เหมือนแพะ บอกกับลูซี่ ว่า เขาคือ ฟอน ชื่อ ทัมนัส อาศัยอยู่ใน นาร์เนีย ดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ ทัมนัส ได้ชวนลูซี่ ไปเที่ยวที่บ้านของเขา ในขณะที่ ลูซี่ กำลังจิบน้ำชา ทัมนัส ก็เป่าขลุ่ยให้ฟัง จนเธอเผลอหลับไป ด้วยมนต์สะกดจากเสียงขลุ่ย พอตื่นขึ้นมา ลูซี่ ก็เห็นทัมนัส กำลังนั่งร้องไห้ เขาบอกว่า เขากำลังจะลักพาตัวเธอ นำไปส่งให้แม่มดขาว เพราะแม่มดสั่งไว้ว่า ถ้าพบมนุษย์เมื่อใด ให้จับตัวไปส่งทันที ลูซี่ บอกทัมนัสว่า เธอคิดว่า เขาเป็นเพื่อนของเธอ เมื่อ ทัมนัส ได้ยินดังนั้น เขาก็เปลี่ยนใจ รีบพาลูซี่กลับไปส่ง ยังที่เดิมที่พบกัน ก่อนจากกัน ลูซี่ ได้มอบผ้าเช็ดหน้า ให้ทัมนัสไว้ซับน้ำตา

     ลูซี่ กลับออกมาจากตู้ แล้วรีบวิ่งไปหาพี่ๆ เธอได้เล่าให้พวกเขาฟัง เรื่องที่เธอไปพบมา พี่ๆจึงมาสำรวจตู้เสื้อผ้า แต่ก็ไม่พบอะไร นอกจากตู้เสื้อผ้าธรรมดา จึงไม่มีใครเชื่อลูซี่ คืนนั้น ลูซี่ นอนไม่หลับ เธอจึงแอบย่อง ไปที่ห้องนั้นอีก เอ๊ดมันด์ เห็นเข้าพอดี จึงแอบตามเธอเข้าไปในตู้ แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ ที่ได้เห็นอย่างที่ลูซี่เล่าไว้ ขณะที่ เอ๊ดมันด์ เดินตามหาลูซี่อยู่นั้น เขาก็ได้พบกับแม่มดขาว ผู้เรียกตัวเองว่า ราชินี แม่มด เสกเครื่องดื่ม และ ขนม ให้เอ๊ดมันด์ เอ๊ดมันด์ ก็ได้เล่าเรื่องพี่น้องของเขา และ เรื่องที่ลูซี่พบฟอน ทัมนัส ให้แม่มดฟัง แม่มด จึงหลอกให้เขารับปาก ว่า จะพาพี่น้องทั้งหมดมาพบเธอ แล้วเขาก็จะได้ กินขนมแสนอร่อยอีก เขาจึงรับปาก


     หลังจาก แม่มด จากไป ลูซี่ ก็มาพบเอ๊ดมันด์ ทั้งคู่จึงกลับไปด้วยกัน ลูซี่ รีบไปบอกพี่ๆอีกครั้ง โดยหวังว่า เอ๊ดมันด์ จะช่วยพูดให้พี่ๆเชื่อ แต่ เอ๊ดมันด์ กลับบอกว่า ลูซี่ แกล้งคิดเล่นๆไปเอง เธอจึงเสียใจมาก วันรุ่งขึ้น ในขณะเล่นเบสบอล ในสนามหญ้า ลูกเบสบอลกระเด็นไป ถูกกระจกแตก ข้าวของหล่นเสียหาย แม่บ้านจึงส่งเสียงมาแต่ไกล ทั้งสี่คนต้องรีบวิ่งหาที่ซ่อน ลูซี่ พาพี่ๆเข้าไปซ่อน ในตู้เสื้อผ้า ทั้งสี่คนถอยเข้าไป จนล้มลงบนหิมะ ปีเตอร์กับซูซาน จึงรู้ว่า ลูซี่ พูดความจริง ปีเตอร์ จึงบังคับให้เอ๊ดมันด์ ขอโทษลูซี่ และ ยอมให้ลูซี่ พาไปหาทัมนัส

     เมื่อถึงบ้านของทัมนัส ทุกคนต้องแปลกใจ ที่ประตูบ้านถูกพัง ในบ้านมีใบประกาศจับทัมนัส ด้วยเหตุผลว่า เขาช่วยเหลือมนุษย์ ซูซาน ได้ยินเสียงนกเหมือนร้องเรียก ทุกคนจึงออกมาดู จนได้พบกับ บีเวอร์พูดได้ บีเวอร์ ได้มอบผ้าเช็ดหน้าให้ลูซี่ เธอจำได้ว่า เป็นผืนที่เธอให้ทัมนัส บีเวอร์ บอกว่า ทัมนัสฝากให้ลูซี่ ก่อนที่เขาจะถูกจับ แล้วบีเวอร์ก็พาทุกคนไปยังบ้านที่เขื่อนไม้ บีเวอร์ ได้เล่าเรื่อง อัสลาน ราชาสูงสุดแห่งนาร์เนีย ซึ่งกำลังเตรียมกองทัพ ให้พวกเขาทั้งสี่คน และ ยังเล่าเรื่องคำทำนาย ว่า บุตรแห่งอดัม ๒ คน และ ธิดาแห่งอีฟ ๒ คน จะเป็นผู้นำกองทัพ ปลดปล่อยนาร์เนีย ให้เป็นอิสระจากแม่มด ปีเตอร์ และ ซูซาน ไม่เชื่อ จึงจะกลับ แต่ก็พบว่า เอ๊ดมันด์ ได้หายตัวไป บีเวอร์ รู้ว่า เอ๊ดมันด์ไปไหน จึงพาทั้งสามคนตามไป แต่ เอ๊ดมันด์ ก็เดินเข้าปราสาทแม่มดไปแล้ว บีเวอร์ จึงห้ามทุกคน ไม่ให้ตามเข้าไป เพราะจะทำให้ ถูกแม่มดฆ่าตายกันหมด เพื่อไม่ให้คำทำนายเป็นจริง บีเวอร์ บอกว่า อัสลานเท่านั้น ที่จะช่วยได้ ปีเตอร์ จึงบอกให้บีเวอร์ พาพวกเขาไปหาอัสลาน

     แม่มดขาว โกรธมากที่ เอ๊ดมันด์ ไม่ได้พาพี่น้องมาด้วย ดังที่เขาเคยรับปากไว้ จึงสั่งขังเอ๊ดมันด์เอาไว้ และ สั่งฝูงหมาป่า ให้ออกตามล่าอีกสามคนพี่น้อง บีเวอร์ รีบพาทั้งสามคนหนี ไปทางอุโมงค์ใต้ดิน จนได้พบกับหมาจิ้งจอก ซึ่งได้ช่วยรับหน้า และ หลอกให้ฝูงหมาป่า ไปทางอื่น เอ๊ดมันด์ ถูกล่ามโซ่ อยู่ใกล้ๆกับทัมนัส ทั้งคู่จึงได้คุยกัน เมื่อรู้ว่า ฝูงหมาป่าไม่พบใครเลย แม่มด ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เอ๊ดมันด์ จึงยอมบอกเรื่องที่ อัสลาน กำลังเตรียมกองทัพ แม่มด ก็ได้บอกให้ทัมนัสรู้ว่า ที่เขาถูกจับก็เพราะ ความตะกละของเอ๊ดมันด์ นั่นเอง ก่อนจะสั่งให้ลากทัมนัสออกไป เพื่อสาปให้กลายเป็นหิน แล้วจึงพาเอ๊ดมันด์ นั่งเลื่อนลากออกไป ตามล่าพี่น้องของเขา


     บีเวอร์ พาทั้งสามคนพี่น้อง เดินข้ามทะเลสาปน้ำแข็ง พลันได้ยินเสียงกระดิ่ง จากเลื่อนที่ใช้กวางลาก จึงรีบพากันวิ่งไปหลบซ่อน บีเวอร์ ออกไปดู แล้วจึงกลับมา เรียกให้ทุกคนออกจากที่ซ่อน เพื่อไปพบกับซานตาคลอส ซานตาคลอส ได้มอบน้ำหวาน ที่ทำจากดอกไม้ไฟ ซึ่งหาได้ยากมาก ใช้หยดเพื่อ รักษาอาการบาดเจ็บ ได้ทุกชนิด และ มีดสั้น ให้ลูซี่ มอบธนู และ แตรงาช้าง ให้ซูซาน มอบดาบ และ โล่ห์ ให้ปีเตอร์ ก่อนจะจากไป ซานตาคลอส ยังบอกว่า ฤดูหนาวกำลังจะหมดลงแล้ว จากนั้น บีเวอร์ ก็พาทั้งสามคน เดินทางต่อไป จนถึงธารน้ำตก น้ำแข็งเริ่มละลายเร็วขึ้น ทุกคนค่อยๆก้าวเดิน บนแผ่นน้ำแข็ง ทันใดนั้น ฝูงหมาป่าก็ตามมาถึง ปีเตอร์ บอกให้น้องๆ เกาะตัวเขาเอาไว้ แล้วใช้ดาบ ปักลงไปบนพื้นน้ำแข็ง ก่อนที่ น้ำแข็งน้ำตกจะแตก น้ำทะลักซัดท่วมลงมา ทุกคนจึงรอดจากฝูงหมาป่ามาได้ แล้วจึงเดินทางต่อ

     เมื่อไปถึงที่ตั้งมั่นของ กองทัพของอัสลาน จึงได้พบว่า อัสลาน คือ สิงโตขนาดใหญ่ ที่ดูโดดเด่น งามสง่า อัสลาน ได้ถามถึงเอ๊ดมันด์ ปีเตอร์ จึงขอร้องให้อัสลานช่วย อัสลาน รับปากว่าจะช่วย และ บอกกับปีเตอร์ ว่า เขาจะต้องเป็นกษัตริย์ และ เป็นผู้นำกองทัพ ปลดปล่อยชาวนาร์เนีย ระหว่างที่ ซูซานกับลูซี่ กำลังเล่นสาดน้ำกันอยู่ ที่ลำธาร หมาป่าก็ตามมาถึง ซูซาน จึงเป่าแตร ปีเตอร์ รีบวิ่งไปช่วย และ ได้ใช้ดาบแทงหมาป่า ที่กระโดดเข้าใส่ จนตาย หมาป่าตัวอื่นๆ จึงรีบวิ่งหนีกลับไป อัสลาน จึงสั่งให้ เซ็นทอร์ (คนครึ่งม้า) นำกำลังส่วนหนึ่ง ตามไปช่วยเอ๊ดมันด์ เมื่อช่วยเอ๊ดมันด์มาได้ ทั้งสี่คนพี่น้อง จึงได้ฝึกการใช้อาวุธ เพื่อเตรียมสู้กับกองทัพของแม่มด

     แม่มดขาว เดินทางมาพบอัสลาน เพื่อทวงถามสิทธิ์ในเลือดของผู้ทรยศ (เอ๊ดมันด์) ตามจารีตโบราณ เอ๊ดมันด์ จะต้องตายบนโต๊ะศิลา อัสลาน จึงเรียกแม่มด ให้เข้าไปคุยกันตามลำพัง เมื่อ แม่มด กลับออกมา อัสลาน ก็ประกาศว่า แม่มด จะไม่ทวงเลือดของเอ๊ดมันด์แล้ว ส่วนแม่มดก็ยอมจากไป ในคืนเดียวกันนั้น ลูซี่ นอนไม่หลับ เมื่อเห็นเงาของอัสลาน เดินผ่านไป จึงปลุกซูซาน แล้วแอบเดินตาม ไปด้วยกัน อัสลาน จึงเรียกให้ออกมา และ อนุญาตให้เดินไปด้วยกัน ระยะหนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไปเพียงลำพัง อัสลาน เดินไปถึงโต๊ะศิลา แม่มดกับลูกสมุน ได้รออยู่แล้ว ลูซี่กับซูซาน เฝ้าแอบดูอยู่ห่างๆ จึงได้เห็น อัสลาน ยอมให้แม่มด ใช้มีดแทงจนตาย บนโต๊ะศิลา


     เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ลูซี่กับซูซาน เดินเข้าไปดูศพของอัสลาน ทั้งคู่ร้องไห้ และ กอดศพของอัสลาน มีหนูหลายตัวมาแทะเชือก ที่มัดตัวอัสลานไว้ จนขาด ลูซี่ ได้ส่งข่าวนี้ ผ่านทางนางไม้ ไปบอกให้ ปีเตอร์ และ คนอื่นๆได้รู้ ปีเตอร์ จึงจำเป็นต้องสั่งเตรียมทัพ แม่มด ก็นำกองทัพมาปะทะ ต่อสู้กัน ในขณะที่ ลูซี่กับซูซาน กำลังจะกลับ พื้นก็สั่นสะเทือน โต๊ะศิลาแตกหัก อัสลาน ฟื้นชีวิตกลับคืนมา ลูซี่กับซูซาน ดีใจมาก อัสลาน ได้อธิบายว่า แม่มด ไม่รู้ความหมายของตัวหนังสือ ที่จารึกไว้รอบโต๊ะศิลา ว่า ผู้ที่เสียสละชีวิตเพื่อผู้อื่น บนโต๊ะศิลานี้ จะได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง จากนั้น อัสลาน ก็บอกให้ลูซี่กับซูซาน ขึ้นขี่หลัง แล้วพากันไปยัง ปราสาทของแม่มด เพื่อช่วยถอนคำสาป ให้ผู้ที่ถูกแม่มดสาป ให้กลายเป็นหิน รวมทั้งทัมนัสด้วย

     เมื่อกองทัพของปีเตอร์ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ปีเตอร์ จึงสั่งถอยทัพ แม่มด ก็ตามมาติดๆ ปีเตอร์ บอกให้เอ๊ดมันด์หนีไป แต่ เอ๊ดมันด์ ไม่ยอมหนี และ ยังกระโดดเข้าไป ใช้ดาบทำลาย คทาของแม่มด ทำให้แม่มด ไม่สามารถสาปใคร ให้กลายเป็นหินได้อีก แต่ เอ๊ดมันด์ ก็ถูกแม่มด ใช้ดาบแทงจนล้มลง ปีเตอร์ จึงเข้าต่อสู้กับแม่มด แต่ ปีเตอร์ ก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทันใดนั้นเอง อัสลาน ก็มาถึง พร้อมกับกองทัพเสริม แล้ว อัสลาน ก็กระโจนใส่แม่มด สังหารแม่มดได้ อย่างง่ายดาย หลังจากนั้น ปีเตอร์ ซูซาน และ ลูซี่ ก็รีบวิ่งไปดู อาการของเอ๊ดมันด์ ลูซี่ ได้หยดน้ำหวานจากดอกไม้ไฟ ใส่ปากของเอ๊ดมันด์ ทำให้เอ๊ดมันด์หายเป็นปกติ แล้ว ลูซี่ จึงค่อยวิ่งไปช่วย รักษาคนอื่นๆต่อ

     อัสลาน ได้แต่งตั้งให้ทั้งสี่คน เป็นราชา และ ราชินี แห่งนาร์เนีย ก่อนจะจากไป ทั้งสี่คนพี่น้อง ได้ปกครองนาร์เนีย อย่างสงบสุข จนทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่ แล้วในวันหนึ่ง ขณะที่ ทั้งสี่คน กำลังขี่ม้าด้วยกัน ก็ได้พบเสาไฟ ที่รู้สึกคุ้นตา ลูซี่ จึงนำพาพี่ๆ เดินไปตามทางที่คุ้นเคย จนเข้าไปในตู้เสื้อผ้า และ ได้ออกมา กลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง แม้ ลูซี่ จะพยายามเปิดตู้อีก แต่ก็ไม่สามารถ กลับสู่นาร์เนียได้แล้ว

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ภาพคมชัด เสียงดี

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

The Sorcerer's Apprentice



แนวหนัง : บู๊ จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างปานกลาง (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในสมัยโบราณ พ่อมดเมอร์ลิน มีลูกศิษย์ ๓ คน ได้แก่ บัลธาซาร์ เวอร์โรนิก้า และ ฮอร์วาธ ฮอร์วาธได้ทรยศเมอร์ลิน ไปเข้าพวกกับ แม่มดร้ายมอร์กาน่า ทำให้เมอร์ลิน ถูกมอร์กาน่าฆ่าตาย เวอร์โรนิก้าจึงใช้เวทมนตร์ ขังวิญญาณมอร์กาน่าไว้ ในร่างของตน มอร์กาน่าจึงพยายามฆ่าเวอร์โรนิก้า จากภายในร่าง บัลธาซาร์จึงจำเป็นต้อง ขังทั้งคู่ไว้ในตุ๊กตากริมโฮลด์ ก่อนตาย เมอร์ลินได้มอบ แหวนมังกร ให้บัลธาซาร์ไว้ เพื่อตามหาตัว ไพร์ม เมอร์ลิเนี่ยน ผู้ที่จะสามารถฆ่ามอร์กาน่าได้ ต่อมา บัลธาซาร์ ยังได้ขังพ่อมด และ แม่มด อีกหลายคน ที่พยายามจะปลดปล่อยมอร์กาน่า ไว้ในกริมโฮลด์ รวมทั้งฮอร์วาธด้วย

     ปี ค.ศ. 2000 เดฟ เด็กชายวัย ๑๐ ขวบ วิ่งไล่ตามแผ่นกระดาษ ที่ปลิวลมเข้าไปใน ร้านขายของเก่า จนได้พบกับบัลธาซาร์ ทันทีที่ บัลธาซาร์ มอบแหวนมังกรให้เดฟ มังกรบนแหวนก็รัดตัว สวมเข้ากับ นิ้วของเดฟ บัลธาซาร์ จึงมั่นใจว่า เดฟ คือ ไพร์ม เมอร์ลิเนี่ยน ที่เขาตามหามานาน กว่าพันปี ในขณะที่ บัลธาซาร์เข้าไปหยิบคัมภีร์เวทมนตร์ เดฟ ได้ปลดปล่อยฮอร์วาธ ออกมากจากกริมโฮลด์ โดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อช่วยเดฟ บัลธาซาร์จึงต้องขังตัวเอง พร้อมกับฮอร์วาธ ไว้ในแจกันโบราณ เป็นเวลา ๑๐ ปี

     ปี ค.ศ. 2010 เดฟ ได้พบกับ เบ็คกี้ หญิงสาว ที่เขาเคยแอบชอบเมื่อ ๑๐ ปีก่อน ในมหาวิทยาลัย จนได้รู้ว่า เธอจัดรายการวิทยุ หลังเวลาเลิกเรียน ในช่วงเวลาเดียวกัน ฮอร์วาธ ได้ออกมาจาก แจกันโบราณ และ โยนแจกันทิ้ง ให้ตกจากชั้นบนของตึก แต่ บัลธาซาร์ ออกมาได้ทัน ก่อนที่แจกัน จะตกถึงพื้น ฮอร์วาธ มาหาเดฟ เพื่อถามหากริมโฮลด์ เดฟ บอกว่า ตอนนั้นเขาโยนทิ้งไปแล้ว จากนั้น เดฟ ก็วิ่งหนี ฮอร์วาธ จึงส่งหมาป่า ออกตามล่าเดฟ จนถึงสถานีรถไฟ เดฟ ตกลงไปในรางรถไฟ บัลธาซาร์ ขี่นกอินทรีย์เหล็กยักษ์ มาช่วยไว้ได้ทัน

     บัลธาซาร์ เล่าให้เดฟฟังว่า กริมโฮลด์มีอยู่หลายชั้น แต่ละชั้นมีพ่อมด แม่มดร้าย ถูกขังอยู่ บัลธาซาร์ ขอให้เดฟ ช่วยตามหากริมโฮลด์ แล้วจึงพาเดฟขึ้นรถไปด้วยกัน บัลธาซาร์ บอกให้เดฟสวมแหวนมังกร แล้วอธิบายวิธีการใช้เวทมนตร์ บัลธาซาร์ พาเดฟไปถึงไชน่าทาวน์ จนได้พบกับฮอร์วาธ ซึ่งแปลงกายเป็นหญิงแก่ รออยู่ก่อนแล้ว ฮอร์วาธ ได้ปลดปล่อยพ่อมดจีน ที่เคยถูกบัลธาซาร์ขังไว้ พ่อมดจีนเสกมังกร ให้ตามล่าเดฟ บัลธาซาร์ สอนให้เดฟ ใช้พลังจากแหวนมังกร จนสามารถปราบพ่อมดจีน ได้สำเร็จ บัลธาซาร์ ก็ชิงกริมโฮลด์คืนมาได้

     หลังจากนั้น เดฟ ก็พาบัลธาซาร์ ไปยังจุดกลับรถไฟใต้ดินเก่า ที่อาจารย์ให้เขาใช้ ทำการทดลองฟิสิกส์ บัลธาซาร์ ใช้เวทมนตร์พรางกริมโฮลด์ไว้ แล้วจึงเริ่ม สอนเวทมนตร์ให้เดฟ ในขณะเดียวกัน ฮอร์วาธ ก็หาพ่อมดนักมายากล มาเป็นผู้ช่วย พร้อมกับออกหาสถานที่ ที่จะใช้ทำพิธี ปลุกวิญญาณของมอร์กาน่า ส่วน เดฟ ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ ตามจีบเบ็คกี้ สลับกับ การฝึกใช้เวทมนตร์ ฮอร์วาธกับผู้ช่วย ตามมาทำร้ายเดฟ ในห้องน้ำของมหาวิทยาลัย บัลธาซาร์ มาช่วยไว้ทัน และ ได้ขังฮอร์วาธไว้ในกระจกเงา



     บัลธาซาร์ เล่าเรื่องราวในอดีต ให้เดฟฟัง และ บอกว่า เดฟ จะต้องเป็น ไพร์ม เมอร์ลิเนี่ยน เดฟ จึงถามว่า เขาจะรู้ได้อย่างไร ว่า เขาฝึกวิชาสำเร็จแล้ว บัลธาซาร์ บอกว่า ไพร์ม เมอร์ลิเนี่ยน สามารถใช้เวทมนตร์ได้ โดยไม่ต้องใช้แหวน ในขณะที่พ่อมด แม่มด คนอื่นๆ จำเป็นต้องใช้แหวน ต่อมา เดฟ ใช้เวทมนตร์ผิดพลาด เขาจึงเริ่มถอดใจ ฮอร์วาธ ใช้ให้ผู้ช่วย แปลงร่างเป็นเดฟ หลอกบัลธาซาร์ แล้วชิงกริมโฮลด์ไปได้ เดฟ มาช่วยไว้ได้ทัน ก่อนที่ บัลธาซาร์ จะถูกทำร้าย ฮอร์วาธกับผู้ช่วย จึงขับรถหนี บัลธาซาร์กับเดฟ ขับรถตามไล่ล่า แต่ ฮอร์วาธ ก็สามารถหนีรอดไปได้ บัลธาซาร์ เล่าเรื่องของเวอร์โรนิก้า และ ฮอร์วาธ ให้เดฟฟังว่า เขากับเวอร์โรนิก้า รักกัน ทำให้ฮอร์วาธ ซึ่งแอบชอบเวอร์โรนิก้า โกรธแค้น จึงทรยศเมอร์ลิน ไปเข้าข้างมอร์กาน่า

     ฮอร์วาธ ได้ดูดพลังจากผู้ช่วยของเขา และ ปลดปล่อยแม่มดเด็ก ออกมาจากกริมโฮลด์ ให้ไปจับตัวเบ็คกี้มา จากนั้น ฮอร์วาธ ก็ดูดพลังจากแม่มดเด็ก บัลธาซาร์กับเดฟ ตามไปถึงที่อยู่ของฮอร์วาธ บัลธาซาร์ติดกับดัก ถูกพรมบนพื้นดูด (เหมือนโคลนดูด) ฮอร์วาธ บังคับให้เดฟ มอบแหวนมังกร เพื่อแลกกับเบ็คกี้ แล้วรีบไปยัง สถานที่ทำพิธี บัลธาซาร์ หลุดรอดจากพรมมาได้ จึงรีบขี่นกอินทรีย์เหล็กยักษ์ตามไป ฮอร์วาธ ได้ปลดปล่อยมอร์กาน่า ซึ่งยังอยู่ในร่างของเวอร์โรนิก้า มอร์กาน่า จึงเริ่มทำพิธีปลดปล่อยตัวเอง โดยใช้จานดาวเทียม บนยอดตึกที่อยู่รอบๆเป็นตัวส่ง ขยายพลังออกไปทั่วโลก บัลธาซาร์ พยายามขัดขวาง แต่ก็สู้พลัง จากแหวนหลายวงของฮอร์วาธไม่ได้

     เดฟ ขอให้เบ็คกี้ ปีนขึ้นไปทำลายจานดาวเทียม บนยอดตึกแห่งหนึ่ง เพื่อทำลายวงจรเวทมนตร์ ของมอร์กาน่า แล้วเขาก็ใช้ไฟฟ้าช็อตฮอร์วาธ บัลธาซาร์ ก็ช่วยเดฟไว้อีกที เบ็คกี้ ทำลายวงจรเวทมนตร์สำเร็จ บัลธาซาร์ จึงรีบดึงวิญญาณของมอร์กาน่า ออกจากร่างของเวอร์โรนิก้า ไปเข้าร่างของเขาแทน และ บอกให้เดฟ ขังทั้งคู่เอาไว้ในกริมโฮลด์ แต่ เดฟ ไม่ยอมทำ มอร์กาน่า จึงฉวยโอกาส ออกจากร่างของบัลธาซาร์ แล้วทำร้ายบัลธาซาร์ เดฟ เข้าต่อสู้กับมอร์กาน่า โดยไม่ต้องใช้แหวน ในขณะที่ เขากำลังจะแพ้ เดฟ ก็ใช้ไฟฟ้าช็อตมอร์กาน่า แล้วจึงยิงถล่ม ด้วยกระสุนเวทมนตร์ จนสามารถทำลายมอร์กาน่าได้สำเร็จ แต่ บัลธาซาร์ ก็ได้ตายไปแล้ว เดฟ จึงใช้พลังช่วยให้บัลธาซาร์ ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย MVD ภาพคมชัด เสียงดี (มีรายการบังคับดู ก่อนเข้าเมนู)