วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

The Chronicles of Narnia: The Voyage of the Dawn Treader



แนวหนัง (ภาค ๓) : ผจญภัย จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ลูซี่ และ เอ๊ดมันด์ ต้องไปอาศัยอยู่กับญาติของพวกเขา เอ๊ดมันด์ ต้องใช้ห้องนอนร่วมกับ ลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อ ยูซตาส ซึ่งไม่ค่อยจะถูกชะตากันสักเท่าใดนัก ในขณะที่ ลูซี่ กำลังมองดูภาพวาดเรือโบราณ ซึ่งกำลังลอยอยู่กลางทะเล ดูเหมือนว่า น้ำทะเลในภาพวาดนั้น มันขยับเองได้ ราวกับเป็นของจริง ลูซี่ จึงพยายามเรียก เอ๊ดมันด์ ให้มาช่วยกันดู แต่เขาไม่สนใจ เพราะเขากำลังทะเลาะกับ ยูซตาส ทันใดนั้น ก็มีน้ำทะเลไหลล้น ออกมาจากภาพวาดนั้น จนท่วมห้องอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนจึงต้องว่าย ขึ้นไปบนผิวน้ำ แล้วก็พบว่า

     พวกเขากำลังลอยคออยู่กลางทะเล และ มีเรือลำใหญ่แล่นอยู่ใกล้ๆ มีคนกระโดดลงมาจากเรือ มาช่วยพวกเขาขึ้นไปบนเรือ Dawn Treader ซึ่งคนที่มาช่วยลูซี่ ก็คือ ราชาแคสเปี้ยน นั่นเอง ลูซี่กับเอ๊ดมันด์ จึงรู้ได้ทันทีว่า พวกเขาได้กลับเข้ามา อยู่ในนาร์เนียอีกครั้งหนึ่งแล้ว แคสเปี้ยน ได้บอกกับ ลูซี่ และ เอ๊ดมันด์ ว่า พวกเขากำลังเดินทางไปยัง หมู่เกาะโดดเดี่ยว เพื่อตามหา ลอร์ดแห่งเทลมาร์ทั้ง ๗ ซึ่งเคยเป็นคนสนิท ที่จงรักภักดีต่อ พ่อของเขา แต่ได้ถูกอาของเขา ขับไล่ออกไปให้พ้นทาง แคสเปี้ยน ยังได้มอบน้ำยาวิเศษจากดอกไม้ไฟ คืนให้กับลูซี่ และ มอบดาบของปีเตอร์ ให้กับเอ๊ดมันด์ด้วย

     เมื่อเดินทางมาถึงเกาะแห่งแรก แคสเปี้ยน ลูซี่ เอ๊ดมันด์ และ ยูซตาส ได้ลงเรือเล็กไปขึ้นเกาะ ซึ่งดูเงียบผิดปกติ แคสเปี้ยน ลูซี่ และ เอ๊ดมันด์ เดินเข้าไปสำรวจในโบสถ์ โดยปล่อยให้ ยูซตาส เฝ้าอยู่หน้าโบสถ์ ในโบสถ์แห่งนั้น มีโจรกลุ่มใหญ่แอบซุ่มอยู่ จึงเกิดการต่อสู้กัน หัวหน้าโจร ได้จับตัว ยูซตาส ไว้เป็นตัวประกัน แคสเปี้ยน ลูซี่ และ เอ๊ดมันด์ จึงต้องยอมถูกจับไปด้วย แคสเปี้ยนกับเอ๊ดมันด์ ถูกขังไว้ในคุก ทำให้ได้พบกับ ลอร์ดเบิร์นแห่งเทลมาร์ ซึ่งถูกขังอยู่นานแล้ว ส่วนลูซี่กับยูซตาส ถูกนำไปขายเป็นทาส แต่ริพีชี้พกับลูกเรือมาช่วยเอาไว้ได้ทัน จึงการการต่อสู้กันจน ฝ่ายแคสเปี้ยนสามารถปราบพวกโจรได้สำเร็จ ก่อนจะออกเดินทางต่อไป ลอร์ดเบิร์นได้มอบดาบของอัสลานเล่มหนึ่ง ให้กับแคสเปี้ยน แคสเปี้ยนได้ยกดาบเล่มนั้นให้กับเอ๊ดมันด์

     เมื่อเดินทางมาถึงเกาะที่ ๒ แคสเปี้ยน ลูซี่ เอ๊ดมันด์ และ ยูซตาส พร้อมกับทหารส่วนหนึ่ง ได้พากันขึ้นเกาะยามใกล้ค่ำ ทั้งหมดจึงนอนค้างบนชายหาด แต่พอถึงรุ่งเช้า ลูซี่ ก็ถูกยักษ์ล่องหนจับตัวไป และ บังคับให้ลูซี่เข้าไปในคฤหาสน์ล่องหน เพื่ออ่านคัมภีร์เวทย์มนต์ของพ่อมด ให้ทุกสิ่งที่ล่องหน ได้ปรากฏให้เห็น ลูซี่ จึงจำเป็นต้องทำตาม เมื่อเข้าไปถึงห้องสมุด ลูซี่ ก็ได้พบคัมภีร์เวทย์มนต์ เธอลองอ่านคาถาให้หิมะตก ก็มีหิมะตกลงมากลางห้องจริงๆ ลูซี่ เห็นคาถาแปลงโฉม ทำให้นึกถึงความสวยของซูซาน จึงได้ฉีกแผ่นที่มีคาถานั้นเก็บติดตัวเอาไว้ แล้วจึงค่อยอ่านคาถา ให้ทุกสิ่งที่ล่องหนได้ปรากฏให้เห็น ลูซี่ จึงได้พบกับพ่อมด โคริอาคิน ผู้เป็นเจ้าของเกาะ

     เมื่อทุกคนตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นลูซี่ เห็นแต่รอยเท้ายักษ์อยู่ใกล้ๆ ทุกคนจึงรีบพากันออกตามหาลูซี่ จนมาพบกับยักษ์ล่องหน และ ได้ถูกล้อมเอาไว้ แต่ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ ลูซี่ อ่านคาถาสุดท้ายพอดี ทุกคนจึงได้มองเห็นว่า แท้จริงแล้วยักษ์ล่องหนเหล่านั้น ไม่ได้เป็นยักษ์จริงๆ แต่เป็นเพียงดัฟเฟิลพัฟ คนแคระที่มีเท้ายักษ์เท้าเดียวเท่านั้น ลูซี่กับพ่อมด เดินออกมาจากคฤหาสน์ เพื่อต้อนรับทุกคน และ ไล่ดัฟเฟิลพัฟให้หนีเตลิดไป พ่อมดได้เล่าเรื่องเกาะมืดแห่งมนต์ดำ ซึ่งจะต้องวาง ดาบของอัสลานทั้ง ๗ เล่ม ลงบนโต๊ะของอัสลาน จึงจะสามารถขับไล่ หมอกสีเขียวแห่งความชั่วร้ายได้ พ่อมดยังได้เตือนด้วยว่า พวกเขาจะต้องถูกทดสอบ ด้วยความกลัวของพวกเขาเอง

     เรือ Dawn Treader ได้ออกเดินทางต่อ เพื่อตามหาดาวสีฟ้า ตามที่พ่อมดบอกไว้ พวกเขาต้องผจญกับพายุ ติดต่อกันหลายวัน แล้วในคืนหนึ่ง ลูซี่ ก็ได้ท่องมนต์แปลงโฉม ให้เธอสวยเหมือนกับซูซาน จนกลายเป็นซูซานไปเสียเอง อัสลาน จึงได้มาเตือนลูซี่ ให้เห็นคุณค่าของตนเอง อย่าได้คิดอยากจะเป็นเหมือนคนอื่น เพราะถ้าไม่มีลูซี่ พี่ๆของเธอก็จะไม่ได้พบนาร์เนีย

     เมื่อเดินทางมาถึงเกาะที่ ๓ แคสเปี้ยน ลูซี่ เอ๊ดมันด์ และ ยูซตาส ก็ได้ลงไปเดินสำรวจ แต่ยูซตาสได้แอบแยกตัวออกไป แคสเปี้ยน ลูซี่ และ เอ๊ดมันด์ ได้พบถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบ่อน้ำที่ทำให้ ทุกสิ่งที่ตกลงไป กลายเป็นทองคำ และ ได้พบร่างของลอร์ดคนหนึ่ง กลายเป็นทองคำอยู่ในบ่อ แต่ดาบของอัสลานที่จมอยู่ ไม่ได้กลายเป็นทองคำไปด้วย พวกเขาจึงเก็บดาบนั้นขึ้นมา ทางด้านยูซตาส ก็ได้พบทองคำ วางเกลื่อนกลาดอยู่ตามทางมากมาย เขาได้หยิบกำไลทองคำ จากศพชายผู้หนึ่ง เอามาใส่แขนของเขา



     แคสเปี้ยนกับเอ๊ดมันด์ ออกตามหายูซตาส โดยให้ลูซี่กลับขึ้นเรือไปก่อน พวกเขาได้พบเพียง เสื้อผ้ากับรองเท้าของยูซตาสเท่านั้น แคสเปี้ยน จำได้ว่า ศพชายผู้นั้นก็คือ ลอร์ดอีกคนที่หายไป เขาจึงได้เก็บดาบของอัสลาน ที่อยู่กับศพนั้นเอาไว้ แล้วพวกเขาก็จะกลับไปขึ้นเรือ แต่ก็มีมังกรตัวหนึ่ง บินมาหักเสากระโดงเรือ ริพีชี้พ จึงใช้ดาบแทงมังกร มันจึงบินกลับไปที่เกาะ จับตัวเอ๊ดมันด์แล้วพาบินขึ้นไป จนเอ๊ดมันด์ได้เห็น ตัวอักษรไฟบนพื้นดิน เป็นข้อความว่า ฉันคือยูซตาส ทุกคนจึงได้รู้ว่า ยูซตาสกลายเป็นมังกร แคสเปี้ยน บอกว่า กำไลแขนนั้นมีคำสาป ซึ่งไม่สามารถถอนได้ ทุกคนต้องค้างคืนบนชายหาด เพื่ออยู่เป็นเพื่อนยูซตาสไปก่อน มังกรยูซตาสแอบนอนร้องไห้ ริพีชี้พ จึงช่วยพูดปลอบใจ และ อยู่เป็นเพื่อนคุยทั้งคืน

     เช้าวันรุ่งขึ้น ดวงดาวสีฟ้าก็ปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้า ทุกคนจึงกลับขึ้นเรือ แล้วออกเดินทางตามดาวสีฟ้า เพื่อไปยังเกาะรามันฑุ โดยมีมังกรบินตามไปด้วย เมื่อถึงเกาะ พวกเขาก็ได้พบว่า ลอร์ดอีก ๓ คน ถูกสาปให้นั่งนิ่ง อยู่ข้างโต๊ะของอัสลาน พวกเขาหยิบเอาดาบทั้งหมดที่ได้พบ ออกมาวางบนโต๊ะ แต่ก็ยังขาดอยู่อีก ๑ เล่ม ทันใดนั้น ดาวสีฟ้าก็ลอยต่ำลงมา ปรากฏร่างให้เห็นเป็น ธิดารามันฑุ ซึ่งมีรูปโฉมสวยงามมาก จนน่าหลงไหล ธิดารามันฑุ บอกกับพวกเขาว่า เธอเป็นคนสาปลอร์ดทั้ง ๓ เพราะพวกเขาคลุ้มคลั่ง ทะเลาะกันเอง แล้วเธอก็ได้ชี้ทางไปยังเกาะมืด ซึ่งมีดาบของอัสลานเล่มที่ ๗ อยู่ที่นั่น

     เมื่อเรือ Dawn Treader แล่นเข้าไปใกล้เกาะมืด ทุกคนบนเรือก็ถูกหมอกสีเขียว หลอกล่อด้วยปมที่อยู่ในใจของตน จนกระทั่งได้พบลอร์ดคนสุดท้าย ซึ่งดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว มังกรยูซตาส ก็พาลอร์ดขึ้นมาไว้บนเรือ ในขณะเดียวกันนั้น เอ๊ดมันด์ ก็เผลอนึกถึงเรื่อง ปีศาจงูตะขาบยักษ์ ที่เขาเคยได้ยินมา ทันใดนั้น ปีศาจงูตะขาบยักษ์ ก็เกิดโผล่ขึ้นมาจากน้ำจริงๆ มังกรกับริพีชี้พ รีบเข้าไปต่อสู้ จนมังกรได้รับบาดเจ็บ หนำซ้ำลอร์ดที่เสียสติ ก็ยังขว้างดาบไปปักมังกรอีกด้วย มังกรยูซตาส จึงบินหนีไปตกลงบนเกาะที่อยู่ใกล้ๆ แลัวก็สลบไป ปีศาจงูตะขาบยักษ์ ได้เข้าโจมตีเรืออย่างหนัก ทุกคนจึงต้องช่วยกันต่อสู้อย่างดุเดือด

     อัสลาน ได้มาปรากฏตัวต่อหน้ามังกร และ ได้ช่วยถอนคำสาปให้มังกร ได้คืนร่างกลับไปเป็นยูซตาส เมื่อยูซตาสฟื้นขึ้นมา เขาก็รีบเอาดาบเล่มสุดท้าย ไปวางบนโต๊ะของอัสลาน แม้จะถูกหมอกสีเขียวมาขัดขวาง แต่ในที่สุด ยูซตาส ก็สามารถวางดาบลงบนโต๊ะได้สำเร็จ ในขณะที่ แคสเปี้ยนกับคนอื่นๆ ช่วยกันใช้เชือกตรึง ปีศาจงูตะขาบยักษ์ เอาไว้ เอ๊ดมันด์ ก็ได้เห็นแม่มดขาว แต่แล้วดาบของปีเตอร์ ที่เขาถืออยู่ก็เรืองแสงขึ้นมา เอ๊ดมันด์ จึงใช้ดาบแทงปีศาจงูตะขาบยักษ์จนตาย
แม่มดขาว และ หมอกสีเขียวก็สลายไป

     หลังจากนั้น แคสเปี้ยน ลูซี่ เอ๊ดมันด์ ยูซตาส และ ริพีชี้พ ก็ได้ลงเรือเล็ก เพื่อเดินทางไปยังดินแดนของอัสลาน ซึ่งมีดอกไม้สีขาวลอยอยู่เต็มผิวน้ำ และ มีคลื่นทะเลสูง ตั้งตระหง่านอยู่บนหาดทราย อัสลาน บอกว่า หลังคลื่นนั้นก็คือ ดินแดนของอัสลาน แคสเปี้ยน อยากจะไปพบกับ พ่อของเขาที่ตายไปแล้ว แต่แล้วเขาก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะนึกขึ้นได้ว่า เขายังมีหน้าที่ ต้องดูแล
อาณาจักร ที่ผ่านมาเขามัวแต่ โหยหาสิ่งที่ขาดหายไป แต่กลับลืมใส่ใจในสิ่งที่เขาได้มา เมื่อเขาได้อาณาจักรมาแล้ว ก็ควรจะดูแลอย่างดี

     ริพีชี้พ ได้ขอไปอยู่ในดินแดนของอัสลาน เพราะเขาไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว อัสลาน ก็อนุญาต เขาจึงร่ำลาทุกคน ก่อนจะพายเรือจิ๋ว ทวนกระแสคลื่นข้ามฝั่งไป อัสลาน ได้บอกกับคนที่เหลืออยู่ว่า ลูซี่กับเอ๊ดมันด์ เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงจะไม่ได้กลับเข้ามาในนาร์เนียอีก แต่ยูซตาสยังจะได้กลับมาอีก แล้วอัสลานก็ส่งทั้ง ๓ คน กลับไปยังโลกที่พวกเขาจากมา

หนัง
แผ่น : DVD และ Blu-ray Disc ลิขสิทธิ์ ค่าย Catalyst ภาพคมชัด-ชัดมาก เสียงดี-ดีมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น