วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Wrath of The Titans



แนวหนัง : บู๊ ตื่นเต้น จินตนาการ ผจญภัย

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในอดีตกาล โลกถูกปกครองโดย เทพเจ้า และ อสูร แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความเชื่อ และ ความศรัทราในเหล่าเทพเจ้าของมนุษย์ ก็ได้ลดน้อยลงเรื่อยๆ เพอร์เซอุส ซึ่งเป็นบุตรของ เซอุส ราชาแห่งเทพเจ้า ที่เกิดจากมารดา ซึ่งเป็นมนุษย์ ได้เลือกที่จะใช้ชีวิต เยี่ยงมนุษย์ธรรมดาทั่วไป เขาเป็นพ่อหม้ายชาวประมง ที่ต้องเลี้ยงดูลูกชายวัย ๑๐ ขวบ ในวันหนึ่ง เซอุส ได้มาบอกกับ เพอร์เซอุส ว่า มนุษย์สวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้า น้อยลงไปมาก ทำให้พลังของเทพเจ้าอ่อนลง ทำให้มนตราเริ่มเสื่อมถอย กำแพงมนต์แห่งทาร์ทอรัส ที่กักขังเหล่าอสูรไว้ในนรก กำลังจะพังทลาย อสูรตัวแรกได้หลุดออกมาแล้ว เซอุส จึงขอให้ เพอร์เซอุส ช่วยร่วมกันผนึกกำลัง แต่เขาก็ปฏิเสธไป


     เซอุส โพไซดอน (เทพแห่งมหาสมุทร น้องชายของเซอุส) และ แอรีส (เทพแห่งสงคราม ลูกชายของเซอุส) ได้มาพบกับ เฮดีส (เทพแห่งนรก น้องชายของเซอุส) ในนรก เพื่อที่จะชักชวนให้ร่วมมือกัน สร้างกำแพงมนต์แห่งทาร์ทอรัส ขึ้นมาใหม่ แต่กลับถูก เฮดีส ปฏิเสธ และ สั่งให้เหล่าอสูร รุมทำร้ายจน โพไซดอน ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากนั้น แอรีส ก็ยังทรยศ โดยร่วมมือกับ เฮดีส ลอบทำร้ายแล้วจับตัว เซอุส เอาไว้


     ไคเมร่า อสูรตัวขนาดมหึมา ที่มี ๒ หัว มีหางเป็นงู และ พ่นไฟได้ บุกเข้ามาทำลายหมู่บ้านชาวประมง เพอร์เซอุส จึงต้องเข้าต่อสู้ เพื่อปกป้องลูกชาย จนฆ่าอสูรได้ ด้วยความสามารถของ มนุษย์กึ่งเทพ หลังจากนั้น เพอร์เซอุส จึงต้องพา ฮีเลียส ลูกชายของเขา ไปยังวิหารเทพเจ้า เพื่อที่จะบอกลูก
ให้ได้รู้ ว่า เขาเป็นบุตรของเซอุส เพอร์เซอุส ร้องเรียกหาเซอุส แต่โพไซดอนปรากฎตัวมาแทน ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส โพไซดอน ได้บอกให้เพอร์เซอุส ไปช่วยเซอุส โดยให้ไปหา อาจีนอร์ มนุษย์กึ่งเทพ บุตรของโพไซดอน เพื่อให้อาจีนอร์ พาไปพบกับเทพตกสวรรค์ โพไซดอน ยังได้มอบตรีศูล อาวุธประจำกายของตน ให้กับเพอร์เซอุส ก่อนที่จะสิ้นชีวิต แล้วสลายร่างหายไป


     เฮดีสกับแอรีส จับเซอุส มัดตรึงเอาไว้เพื่อให้ โครนอส บิดาของเทพเจ้าทั้งสาม (ซึ่งเคยพยายามที่จะฆ่าลูกๆของตน แต่ถูกเทพเจ้าทั้งสาม ผนึกกำลังขังเอาไว้ในนรก) ได้ดูดซับพลังเทพที่เหลือของเซอุส เพื่อที่จะฟื้นคืนพลัง เป็นอิสระ และ ทำลายโลกมนุษย์เสีย เพอร์เซอุส ขี่ม้าบิน เพกาซัส ไปหาราชินี แอนโดรเมด้า ซึ่งกำลังนำกองทัพ เข้าต่อสู้กับเหล่าอสูรร้าย และ ได้จับตัว อาจีนอร์ ขังเอาไว้ในข้อหา พยายามขโมยมงกุฏ เพอร์เซอุส ได้เกลี้ยกล่อม
จน อาจีนอร์ ยอมพาเขาไปหา เฮเฟตัส เทพตกสวรรค์ ผู้สร้างอาวุธให้กับเทพเจ้าทั้งสาม โดยมีราชินี แอนโดรเมด้า ลงเรือร่วมเดินทางไปด้วย พร้อมกับทหารคนสนิท เพียงไม่กี่คนเท่านั้น


     เมื่อเดินทางไปถึงเกาะลึกลับ อาจีนอร์ ก็เผลอไปติดกับดักของ ไซคร็อป ยักษ์ตาเดียว เพอร์ซีอุส และ คนอื่นๆ จึงต้องต่อสู้กับไซคร็อป ๒ ตน จนสามารถช่วยอาจีนอร์เอาไว้ได้ เมื่อไซคร็อปที่แก่กว่า ๒ ตนแรกมาถึง ก็จำตรีศูลที่เพอร์ซีอุสถืออยู่ได้ ว่า เป็นอาวุธประจำกายของโพไซดอน จึงยอมพาทุกคนไปพบกับเฮเฟตัส เฮเฟตัส ได้เล่าให้ฟังว่า เขาเคยร่วมมือกับเฮดีส แข็งข้อต่อเซอุส จึงถูกเซอุส ยึดพลังไป แล้วขับไล่ลงจากสวรรค์ เฮเฟตัส เป็นผู้สร้างทาร์ทอรัส จึงรู้ทางลับสำหรับผ่านเขาวงกต และ ได้ทำแผนที่เอาไว้ด้วย


     เฮเฟตัส พาทุกคนเดินทางไปจนถึง ประตูทางเข้าสู่เขาวงกต ทันใดนั้น แอรีส ก็พุ่งลงมาขัดขวางไว้ เพราะมีคนแอบสวดให้เขา เฮเฟตัส รีบเปิดประตูกล แล้วช่วยถ่วงเวลาเอาไว้ จนถูกแอรีสฆ่าตาย เพอร์ซีอุส อาจีนอร์ และ แอนโดรเมด้า จึงสามารถเข้าประตูไปได้ ก่อนที่มันจะปิดลง ทั้งสามคนต้องฝ่าด่านเขาวงกต เพอร์ซีอุส ต้องต่อสู้กับ ไมโนทอร์ คนครึ่งกระทิง จนชนะ แล้วทั้งสามคนจึงได้พบ ทาร์ทอรัส และ เข้าไปช่วยเซอุส เฮดีสกับแอรีส เข้ามาขัดขวาง เซอุส จึงพูดกล่อมจน เฮดีส ยอมกลับใจ หันไปต่อสู้กับแอรีส จนเฮดีสได้รับบาดเจ็บ และ ถูกชิงอาวุธประจำกายไป แอรีส ขว้างอาวุธของเฮดีส ไปถูกเซอุสเข้าที่กลางหลัง เซอุส จึงใช้พลังจากอาวุธของเขา กับของเฮดีส พาทุกคนหนีออกไปได้


     เพอร์ซีอุส อาจีนอร์ และ แอนโดรเมด้า พาเซอุสไปนอนพัก ที่ค่ายทหารของแอนโดรเมด้า หลังจากนั้น เพอร์ซีอุส ก็ท้าสู้กับแอรีส ในวิหารเทพเจ้า แอรีส ได้จับตัวลูกชายของเพอร์ซีอุส แล้วพาไปด้วย เพื่อให้เห็นตอนที่พ่อถูกฆ่าตาย แต่ในที่สุด เพอร์ซีอุส ก็สามารถฆ่าแอรีสได้ ในขณะเดียวกัน โครนอส ก็เป็นอิสระ และ กำลังจะทำลายโลกมนุษย์ เฮดีส จึงแบ่งพลังที่เหลือของเขา ให้กับเซอุส แล้วจึงร่วมมือกัน ต่อสู้กับโครนอส เหล่าอสูรร้าย ก็บุกเข้าโจมตีกองทัพของแอนโดรเมด้า จนมีทหารล้มตายไปมากมาย เซอุสกับเฮดีส ก็ได้ใช้พลังที่เหลือไปจนหมดสิ้น


     ในขะที่เหล่าเทพ และ มนุษย์ กำลังจะพ่ายแพ้ เพอร์ซีอุส ก็ได้ประกอบอาวุธของเทพเจ้าทั้งสาม เข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นหอกแห่งเธรียม แล้วขี่เพกาซัส บินขึ้นไปบนฟ้า เข้าไปทางปากของโครนอส และ ใช้หอกฟาดฟัน ภายในร่างอันมหึมานั้น จนระเบิดสลายไปในที่สุด จากนั้น เพอร์ซีอุส ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับเซอุส เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เซอุส จะสิ้นชีวิต สลายร่างไป เฮดีส ก็สูญสิ้นพลัง และ เดินจากไป

หนังแผ่น : DVD และ Blu-ray Disc ลิขสิทธิ์ ค่าย Catalyst ภาพคมชัด-ชัดมาก เสียงดี-ดีมาก

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

Total Recall (1990)



แนวหนัง : วิทยาศาสตร์ บู๊ ตื่นเต้น ผจญภัย

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ปานกลาง ถึง ค่อนข้างยาก

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในปีค.ศ. 2084 ดั๊กลาส เคว็ด มักจะฝันซ้ำๆกันทุกคืน เขาฝันว่า กำลังเดินอยู่บนดาวอังคาร กับหญิงสาวคนหนึ่ง แล้วเขาก็ก้าวพลาดตกหน้าผาลงไป กระแทกกับก้อนหิน จนกระจกหน้าของหมวกชุดอวกาศ แตกออก ทำให้อากาศภายในร่างกายของเขา ดันออกมาจนตาถลน แทบจะหลุดออกจากเบ้า แล้วเขาตกใจตื่นขึ้นมาบนเตียง ทำให้ ลอรี่ ภรรยาของเขา ซึ่งได้แต่งงานกันมา ๘ ปีแล้ว ต้องตื่นขึ้นมาด้วย ลอรี่ พยายามปลอบใจ ดั๊กลาส ให้ลืมฝันร้ายนั้นเสีย

     ดั๊กลาส ได้ดูข่าวโทรทัศน์ เกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่าง ฝ่ายผู้มีอำนาจบนดาวอังคาร กับฝ่ายต่อต้าน ก่อนที่เขาจะเดินทางไปทำงาน เขาได้เห็นโฆษณาของบริษัท Rekall ซึ่งเสนอขาย บริการปลูกฝังความทรงจำ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ให้กับลูกค้า โดยไม่ต้องไปเที่ยวเองจริงๆ ในระหว่างทำงาน ดั๊กลาส จึงลองถามเพื่อน แต่เพื่อนบอกว่า การเข้าไปยุ่งกับสมองนั้นไม่ดี อาจทำให้กลายเป็นบ้าไปได้ อย่าได้ริอ่านไปลองเป็นอันขาด แต่พอหลังเลิกงานแล้ว ดั๊กลาส ก็ยังแวะไปที่ Rekall เพราะเขาสนใจ อยากจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ การท่องเที่ยวดาวอังคาร ในฐานะของสายลับ แต่เพียงแค่เริ่มกระบวนการ ปลูกฝังความทรงจำ ดั๊กลาส ก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง คิดว่า ตนเป็นสายลับ ขึ้นมาทันที เขาได้อาละวาด จนต้องถูกจับฉีดยาสลบ และ ลบความทรงจำเกี่ยวกับ Rekall ทั้งหมด

     ดั๊กลาส ฟื้นขึ้นมาบนรถ TAXI พอลงจากรถ เขาก็ถูกเพื่อนร่วมงาน พาคนมาจับตัวเขาไป สอบถามเรื่องที่เขาไป Rekall แต่เขาจำอะไรไม่ได้เลย แล้วก็เกิดการต่อสู้กัน ดั๊กลาส ได้ฆ่าทุกคน ที่มารุมทำร้ายเขา จนตายหมด แล้วจึงรีบกลับบ้าน เขาได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลอรี่ฟัง ลอรี่ พยายามปลอบเขาว่า มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเพราะ Rekall ต่างหาก แล้วลอรี่ก็แอบโทร.คุยกับผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนที่เธอจะแอบลอบยิงเขา จึงเกิดการต่อสู้กันอีก ดั๊กลาส จับตัวลอรี่เอาไว้ได้ เขาจึงบังคับให้เธอ อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงยอมสารภาพกับเขาว่า เธอไม่ใช่ภรรยาของเขา แต่ถูกส่งมาเพื่อคอยจับตาดูเขา ชีวิตแต่งงาน ๘ ปี นั้นเป็นเพียง การปลูกฝังความทรงจำเท่านั้น ทันใดนั้น ก็มีผู้ชายหลายคน มาพร้อมกับอาวุธ เขาจึงชกเธอให้สลบ ก่อนจะรีบหนีไป

     ดั๊กลาส ถูกตามล่า ในสถานีรถไฟใต้ดิน โดยยังไม่รู้ว่า มีเครื่องส่งสัญญาณติดตาม ซ่อนอยู่ในตัวของเขาด้วย หลังจากการยิงตอบโต้กันอย่างดุเดือด เขาก็กระโดดหนีขึ้นรถไฟไปได้ โคเฮเก้น ผู้กุมอำนาจบนดาวอังคาร ได้สั่ง ริคเตอร์ ให้จับเป็น ดั๊กลาส ได้เข้าพักในโรงแรม มีชายคนหนึ่ง โทร.เข้าไปบอกเขาว่า เป็นเพื่อนเก่าของเขา และ ได้บอกให้เขา ใช้ผ้าชุบน้ำ พันรอบศรีษะเอาไว้ เพื่อรบกวนคลื่นสัญญาณติดตามตัว ก่อนจะวางกระเป๋าทิ้งไว้หน้าโรงแรม ดั๊กลาส จึงรีบออกไปหยิบกระเป๋าใบนั้น แล้วขึ้นรถ TAXI หนีต่อไป จนถึงตึกร้างแห่งหนึ่ง เขาเปิดดูของที่อยู่ในกระเป๋า และ เปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ดู ดั๊กลาส เห็นภาพตนเอง กำลังเล่าเรื่องว่า เขาเคยทำงานให้กับ โคเฮเก้น มาก่อน แต่เมื่อเขาได้พบกับหญิงสาว ฝ่ายต่อต้านคนหนึ่ง เขาจึงได้รู้ความจริงที่ซ่อนอยู่ ของสิ่งสำคัญที่สุด บนดาวอังคาร เขาจึงได้เปลี่ยนใจ ย้ายไปอยู่ข้างฝ่ายต่อต้าน จึงทำให้เขา ถูกจับตัว มาลบความทรงจำ

     เมื่อได้ใช้อุปกรณ์ในกระเป๋า ดึงเครื่องส่งสัญญาณติดตาม จากภายในศรีษะ ออกทางรูจมูกแล้ว ดั๊กลาส ก็รีบออกเดินทางต่อไป ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง บนดาวอังคาร คุณป้าร่างใหญ่ ถูกเจ้าหน้าที่ถามว่า จะอยู่บนดาวอังคารสักกี่วัน คุณป้า ตอบว่า ๒ สัปดาห์ แต่กลับพูดซ้ำๆอยู่หลายหน จนดูผิดปกติ ผู้คนต่างพากันจ้องมอง ด้วยความสงสัย คุณป้า จึงบิดหู แล้วถอดศรีษะยกขึ้น จนได้เห็นใบหน้า ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ ศรีษะปลอมนั้น ซึ่งก็คือ ดั๊กลาส นั่นเอง เป็นเวลาเดียวกับที่ ริคเตอร์ ได้ตามไปทันเห็นเข้าพอดี จึงได้ยิงต่อสู้กัน แต่แล้ว ดั๊กลาส ก็สามารถหนี ขึ้นรถไฟไปได้

     ดั๊กลาส เข้าไปจองห้องพักในโรงแรม พนักงานแจ้งว่า เขาเคยฝากของเอาไว้ เมื่อเปิดกล่องรับฝากดู เขาก็พบกระดาษแผ่นหนึ่ง ซึ่งมีลายมือของเขา เขียนบอกไว้ให้ไปหา เมลิน่า ดั๊กลาส จึงนั่งรถ TAXI เข้าไปในเขตที่เต็มไปด้วย มนุษย์กลายพันธุ์ เพราะได้รับอากาศที่ไม่สะอาดมานาน เขาเข้าไปในผับ จนได้พบกับหญิงสาวที่ชื่อ เมลิน่า เธอได้พาเขาเข้าไปในห้อง แล้วต่อว่าเขา แต่เขาก็จำอะไรไม่ได้เลย เธอจึงรู้สึกโกรธ และ ไล่เขาไป ดั๊กลาส จึงนั่งรถ TAXI คันเดิม ซึ่งยังอยู่รอ พาเขากลับไปยังโรงแรม


     มีชายคนหนึ่งจาก Rekall มาหา ดั๊กลาส เพื่อบอกกับเขาว่า ตัวของเขายังคงอยู่ที่ Rekall ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มาจากการปลูกฝังความทรงจำนั่นเอง แต่เขายังไม่ตื่น จึงต้องมาบอกให้เขารู้ตัว และ ยังได้พา ลอรี่ ภรรยาของเขามาด้วย ในขณะที่ ดั๊กลาส กำลังจะยอมกินยา เพื่อให้ตื่นขึ้น เขาก็สังเกตุเห็นว่า ชายที่มาจาก Rekall ดูมีพิรุธ เขาจึงรู้ว่า กำลังถูกหลอก ทันใดนั้นเอง ก็มีชายอีกหลายคน บุกเข้ามาทำร้ายเขาจนสลบไป แล้วก็จับตัวเขาไว้ แต่แล้ว เมลิน่า ก็ได้มาช่วยเขา เมลิน่า ต่อสู้กับลอรี่ จนกระทั่ง ดั๊กลาส ฟื้นขึ้นมา จึงได้ยิงลอรี่ตาย ก่อนที่จะพากันหนีไป

     ริคเตอร์ ตามมาพบว่า ลอรี่ คนรักของเขา ได้ถูกฆ่าตายเสียแล้ว ริคเตอร์ จึงรู้สึกโกรธแค้น ดั๊กลาส มากยิ่งขึ้นไปอีก ดั๊กลาสกับเมลิน่า ได้ขึ้นรถ TAXI ซึ่งเป็นของคนขับคนเดิม หนีจากการไล่ล่าของริคเตอร์ ไปหลบซ่อนอยู่ในผับ โดยมีเพื่อนๆของเมลิน่า ช่วยกันต่อสู้กับพวกของริคเตอร์ แต่แล้ว ริคเตอร์ ก็ได้รับคำสั่งจาก โคเฮเก้น ให้ถอยกลับไป จากนั้น โคเฮเก้น ก็สั่งปิดพื้นที่ พร้อมกับปิดพัดลม ที่ส่งอากาศ ให้กับคนในเขตนั้น ทำให้เหลืออากาศหายใจ ได้อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

     เมลิน่า ได้พาดั๊กลาสไปพบกับ กัวโต้ ผู้นำฝ่ายต่อต้าน ซึ่งเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ที่มีพลังจิต กัวโต้ ได้ช่วยฟื้นความทรงจำของ ดั๊กลาส ที่เคยถูกลบไป จนค้นพบว่า มีสิ่งประดิษฐ์สำคัญ ของมนุษย์ต่างดาว ซ่อนอยู่ในภูเขา แต่ยังไม่ทันไร ก็มีรถขุดเจาะ บุกทะลวงเข้ามาถึง จึงเกิดการต่อสู้กันอีก คนขับรถ TAXI จึงฉวยโอกาส ยิงกัวโต้จนตาย แล้วจึงเปิดประตูให้ ริคเตอร์ พาพวกเข้ามา จับตัวดั๊กลาสกับเมลิน่าไป โคเฮเก้น บอกกับดั๊กลาสว่า เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นแผน ที่เขากับโคเฮเก้นร่วมมือกัน เพื่อที่จะได้ เข้าถึงกัวโต้ แล้วก็จับดั๊กลาสกับเมลิน่า เข้าเครื่องปลูกฝังความทรงจำ เพื่อจะทำให้ทั้งคู่ ทำงานให้โคเฮเก้นต่อไป

     ดั๊กลาส ขัดขืน และ ต่อสู้ จนสามารถช่วยเมลิน่า ให้หนีไปด้วยกันได้ ในขณะที่ เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหลาย กำลังขาดอากาศหายใจ จนใกล้จะตาย ดั๊กลาส ก็กำลังจะพาเมลิน่า ไปยังภูเขา แต่คนขับรถ TAXI ก็ขับรถขุดเจาะมาขวางไว้ จึงต้องต่อสู้กัน จนคนขับรถ TAXI ถูกฆ่าตาย เมื่อทั้งคู่เดินทางไปถึงภูเขา ก็ต้องต่อสู้กับพวกของริคเตอร์อีก ดั๊กลาสกับเมลิน่า ได้ใช้เครื่องสร้างภาพลวงตา หลอกล่อจนสามารถ ฆ่าพวกของริคเตอร์ได้จนหมด ริคเตอร์ จึงหนีขึ้นลิฟท์ไป ดั๊กลาส รีบกระโดดตาม ขึ้นไปต่อสู้กัน จนริคเตอร์ตาย ดั๊กลาส ขึ้นไปถึงเครื่องสร้างอากาศ ที่มนุษย์ต่างดาวได้สร้างทิ้งไว้ แต่โคเฮเก้นก็มาขัดขวาง เพราะถ้าปล่อยให้บนดาวอังคาร มีอากาศสำหรับหายใจ ก็จะไม่มีใครยอมจ่ายเงิน ซื้ออากาศจากโคเฮเก้น อีกต่อไป

     เมลิน่า ตามขึ้นมาช่วยต่อสู้ โคเฮเก้น จึงกดปุ่มระเบิด ทำให้อากาศรั่วไหลออกไป จนพัดตัวโคเฮเก้นปลิวออกไป ตกลงไปถึงพื้นดิน เพราะภายนอกไม่มีอากาศ แรงดันอากาศภายในร่างกาย จึงดันออกมาจน โคเฮเก้นตาถลน และ ขาดอากาศจนตาย ดั๊กลาส จึงสามารถ เปิดเครื่องสร้างอากาศได้ แต่เขากับเมลิน่า ก็ถูกลมพัดปลิวออกไป ตกลงไปถึงพื้นดินเช่นกัน ทั้งคู่ต้องทรมาน จากการขาดอากาศ แต่ในที่สุด ก็มีอากาศปริมาณมหาศาล พวยพุ่งออกมาจากใต้พื้นดิน ท้องฟ้าเริ่มมีเมฆก่อตัวขึ้น แสงแดดสาดส่องลงมา ชั้นบรรยากาศเปลี่ยนไป จนทุกคนสามารถหายใจได้ เหมือนกับบนโลกมนุษย์

หนังแผ่น : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย UNITED ภาพคมชัด เสียงดี

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

The Chronicles of Narnia: The Voyage of the Dawn Treader



แนวหนัง (ภาค ๓) : ผจญภัย จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ลูซี่ และ เอ๊ดมันด์ ต้องไปอาศัยอยู่กับญาติของพวกเขา เอ๊ดมันด์ ต้องใช้ห้องนอนร่วมกับ ลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อ ยูซตาส ซึ่งไม่ค่อยจะถูกชะตากันสักเท่าใดนัก ในขณะที่ ลูซี่ กำลังมองดูภาพวาดเรือโบราณ ซึ่งกำลังลอยอยู่กลางทะเล ดูเหมือนว่า น้ำทะเลในภาพวาดนั้น มันขยับเองได้ ราวกับเป็นของจริง ลูซี่ จึงพยายามเรียก เอ๊ดมันด์ ให้มาช่วยกันดู แต่เขาไม่สนใจ เพราะเขากำลังทะเลาะกับ ยูซตาส ทันใดนั้น ก็มีน้ำทะเลไหลล้น ออกมาจากภาพวาดนั้น จนท่วมห้องอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนจึงต้องว่าย ขึ้นไปบนผิวน้ำ แล้วก็พบว่า

     พวกเขากำลังลอยคออยู่กลางทะเล และ มีเรือลำใหญ่แล่นอยู่ใกล้ๆ มีคนกระโดดลงมาจากเรือ มาช่วยพวกเขาขึ้นไปบนเรือ Dawn Treader ซึ่งคนที่มาช่วยลูซี่ ก็คือ ราชาแคสเปี้ยน นั่นเอง ลูซี่กับเอ๊ดมันด์ จึงรู้ได้ทันทีว่า พวกเขาได้กลับเข้ามา อยู่ในนาร์เนียอีกครั้งหนึ่งแล้ว แคสเปี้ยน ได้บอกกับ ลูซี่ และ เอ๊ดมันด์ ว่า พวกเขากำลังเดินทางไปยัง หมู่เกาะโดดเดี่ยว เพื่อตามหา ลอร์ดแห่งเทลมาร์ทั้ง ๗ ซึ่งเคยเป็นคนสนิท ที่จงรักภักดีต่อ พ่อของเขา แต่ได้ถูกอาของเขา ขับไล่ออกไปให้พ้นทาง แคสเปี้ยน ยังได้มอบน้ำยาวิเศษจากดอกไม้ไฟ คืนให้กับลูซี่ และ มอบดาบของปีเตอร์ ให้กับเอ๊ดมันด์ด้วย

     เมื่อเดินทางมาถึงเกาะแห่งแรก แคสเปี้ยน ลูซี่ เอ๊ดมันด์ และ ยูซตาส ได้ลงเรือเล็กไปขึ้นเกาะ ซึ่งดูเงียบผิดปกติ แคสเปี้ยน ลูซี่ และ เอ๊ดมันด์ เดินเข้าไปสำรวจในโบสถ์ โดยปล่อยให้ ยูซตาส เฝ้าอยู่หน้าโบสถ์ ในโบสถ์แห่งนั้น มีโจรกลุ่มใหญ่แอบซุ่มอยู่ จึงเกิดการต่อสู้กัน หัวหน้าโจร ได้จับตัว ยูซตาส ไว้เป็นตัวประกัน แคสเปี้ยน ลูซี่ และ เอ๊ดมันด์ จึงต้องยอมถูกจับไปด้วย แคสเปี้ยนกับเอ๊ดมันด์ ถูกขังไว้ในคุก ทำให้ได้พบกับ ลอร์ดเบิร์นแห่งเทลมาร์ ซึ่งถูกขังอยู่นานแล้ว ส่วนลูซี่กับยูซตาส ถูกนำไปขายเป็นทาส แต่ริพีชี้พกับลูกเรือมาช่วยเอาไว้ได้ทัน จึงการการต่อสู้กันจน ฝ่ายแคสเปี้ยนสามารถปราบพวกโจรได้สำเร็จ ก่อนจะออกเดินทางต่อไป ลอร์ดเบิร์นได้มอบดาบของอัสลานเล่มหนึ่ง ให้กับแคสเปี้ยน แคสเปี้ยนได้ยกดาบเล่มนั้นให้กับเอ๊ดมันด์

     เมื่อเดินทางมาถึงเกาะที่ ๒ แคสเปี้ยน ลูซี่ เอ๊ดมันด์ และ ยูซตาส พร้อมกับทหารส่วนหนึ่ง ได้พากันขึ้นเกาะยามใกล้ค่ำ ทั้งหมดจึงนอนค้างบนชายหาด แต่พอถึงรุ่งเช้า ลูซี่ ก็ถูกยักษ์ล่องหนจับตัวไป และ บังคับให้ลูซี่เข้าไปในคฤหาสน์ล่องหน เพื่ออ่านคัมภีร์เวทย์มนต์ของพ่อมด ให้ทุกสิ่งที่ล่องหน ได้ปรากฏให้เห็น ลูซี่ จึงจำเป็นต้องทำตาม เมื่อเข้าไปถึงห้องสมุด ลูซี่ ก็ได้พบคัมภีร์เวทย์มนต์ เธอลองอ่านคาถาให้หิมะตก ก็มีหิมะตกลงมากลางห้องจริงๆ ลูซี่ เห็นคาถาแปลงโฉม ทำให้นึกถึงความสวยของซูซาน จึงได้ฉีกแผ่นที่มีคาถานั้นเก็บติดตัวเอาไว้ แล้วจึงค่อยอ่านคาถา ให้ทุกสิ่งที่ล่องหนได้ปรากฏให้เห็น ลูซี่ จึงได้พบกับพ่อมด โคริอาคิน ผู้เป็นเจ้าของเกาะ

     เมื่อทุกคนตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นลูซี่ เห็นแต่รอยเท้ายักษ์อยู่ใกล้ๆ ทุกคนจึงรีบพากันออกตามหาลูซี่ จนมาพบกับยักษ์ล่องหน และ ได้ถูกล้อมเอาไว้ แต่ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ ลูซี่ อ่านคาถาสุดท้ายพอดี ทุกคนจึงได้มองเห็นว่า แท้จริงแล้วยักษ์ล่องหนเหล่านั้น ไม่ได้เป็นยักษ์จริงๆ แต่เป็นเพียงดัฟเฟิลพัฟ คนแคระที่มีเท้ายักษ์เท้าเดียวเท่านั้น ลูซี่กับพ่อมด เดินออกมาจากคฤหาสน์ เพื่อต้อนรับทุกคน และ ไล่ดัฟเฟิลพัฟให้หนีเตลิดไป พ่อมดได้เล่าเรื่องเกาะมืดแห่งมนต์ดำ ซึ่งจะต้องวาง ดาบของอัสลานทั้ง ๗ เล่ม ลงบนโต๊ะของอัสลาน จึงจะสามารถขับไล่ หมอกสีเขียวแห่งความชั่วร้ายได้ พ่อมดยังได้เตือนด้วยว่า พวกเขาจะต้องถูกทดสอบ ด้วยความกลัวของพวกเขาเอง

     เรือ Dawn Treader ได้ออกเดินทางต่อ เพื่อตามหาดาวสีฟ้า ตามที่พ่อมดบอกไว้ พวกเขาต้องผจญกับพายุ ติดต่อกันหลายวัน แล้วในคืนหนึ่ง ลูซี่ ก็ได้ท่องมนต์แปลงโฉม ให้เธอสวยเหมือนกับซูซาน จนกลายเป็นซูซานไปเสียเอง อัสลาน จึงได้มาเตือนลูซี่ ให้เห็นคุณค่าของตนเอง อย่าได้คิดอยากจะเป็นเหมือนคนอื่น เพราะถ้าไม่มีลูซี่ พี่ๆของเธอก็จะไม่ได้พบนาร์เนีย

     เมื่อเดินทางมาถึงเกาะที่ ๓ แคสเปี้ยน ลูซี่ เอ๊ดมันด์ และ ยูซตาส ก็ได้ลงไปเดินสำรวจ แต่ยูซตาสได้แอบแยกตัวออกไป แคสเปี้ยน ลูซี่ และ เอ๊ดมันด์ ได้พบถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบ่อน้ำที่ทำให้ ทุกสิ่งที่ตกลงไป กลายเป็นทองคำ และ ได้พบร่างของลอร์ดคนหนึ่ง กลายเป็นทองคำอยู่ในบ่อ แต่ดาบของอัสลานที่จมอยู่ ไม่ได้กลายเป็นทองคำไปด้วย พวกเขาจึงเก็บดาบนั้นขึ้นมา ทางด้านยูซตาส ก็ได้พบทองคำ วางเกลื่อนกลาดอยู่ตามทางมากมาย เขาได้หยิบกำไลทองคำ จากศพชายผู้หนึ่ง เอามาใส่แขนของเขา



     แคสเปี้ยนกับเอ๊ดมันด์ ออกตามหายูซตาส โดยให้ลูซี่กลับขึ้นเรือไปก่อน พวกเขาได้พบเพียง เสื้อผ้ากับรองเท้าของยูซตาสเท่านั้น แคสเปี้ยน จำได้ว่า ศพชายผู้นั้นก็คือ ลอร์ดอีกคนที่หายไป เขาจึงได้เก็บดาบของอัสลาน ที่อยู่กับศพนั้นเอาไว้ แล้วพวกเขาก็จะกลับไปขึ้นเรือ แต่ก็มีมังกรตัวหนึ่ง บินมาหักเสากระโดงเรือ ริพีชี้พ จึงใช้ดาบแทงมังกร มันจึงบินกลับไปที่เกาะ จับตัวเอ๊ดมันด์แล้วพาบินขึ้นไป จนเอ๊ดมันด์ได้เห็น ตัวอักษรไฟบนพื้นดิน เป็นข้อความว่า ฉันคือยูซตาส ทุกคนจึงได้รู้ว่า ยูซตาสกลายเป็นมังกร แคสเปี้ยน บอกว่า กำไลแขนนั้นมีคำสาป ซึ่งไม่สามารถถอนได้ ทุกคนต้องค้างคืนบนชายหาด เพื่ออยู่เป็นเพื่อนยูซตาสไปก่อน มังกรยูซตาสแอบนอนร้องไห้ ริพีชี้พ จึงช่วยพูดปลอบใจ และ อยู่เป็นเพื่อนคุยทั้งคืน

     เช้าวันรุ่งขึ้น ดวงดาวสีฟ้าก็ปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้า ทุกคนจึงกลับขึ้นเรือ แล้วออกเดินทางตามดาวสีฟ้า เพื่อไปยังเกาะรามันฑุ โดยมีมังกรบินตามไปด้วย เมื่อถึงเกาะ พวกเขาก็ได้พบว่า ลอร์ดอีก ๓ คน ถูกสาปให้นั่งนิ่ง อยู่ข้างโต๊ะของอัสลาน พวกเขาหยิบเอาดาบทั้งหมดที่ได้พบ ออกมาวางบนโต๊ะ แต่ก็ยังขาดอยู่อีก ๑ เล่ม ทันใดนั้น ดาวสีฟ้าก็ลอยต่ำลงมา ปรากฏร่างให้เห็นเป็น ธิดารามันฑุ ซึ่งมีรูปโฉมสวยงามมาก จนน่าหลงไหล ธิดารามันฑุ บอกกับพวกเขาว่า เธอเป็นคนสาปลอร์ดทั้ง ๓ เพราะพวกเขาคลุ้มคลั่ง ทะเลาะกันเอง แล้วเธอก็ได้ชี้ทางไปยังเกาะมืด ซึ่งมีดาบของอัสลานเล่มที่ ๗ อยู่ที่นั่น

     เมื่อเรือ Dawn Treader แล่นเข้าไปใกล้เกาะมืด ทุกคนบนเรือก็ถูกหมอกสีเขียว หลอกล่อด้วยปมที่อยู่ในใจของตน จนกระทั่งได้พบลอร์ดคนสุดท้าย ซึ่งดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว มังกรยูซตาส ก็พาลอร์ดขึ้นมาไว้บนเรือ ในขณะเดียวกันนั้น เอ๊ดมันด์ ก็เผลอนึกถึงเรื่อง ปีศาจงูตะขาบยักษ์ ที่เขาเคยได้ยินมา ทันใดนั้น ปีศาจงูตะขาบยักษ์ ก็เกิดโผล่ขึ้นมาจากน้ำจริงๆ มังกรกับริพีชี้พ รีบเข้าไปต่อสู้ จนมังกรได้รับบาดเจ็บ หนำซ้ำลอร์ดที่เสียสติ ก็ยังขว้างดาบไปปักมังกรอีกด้วย มังกรยูซตาส จึงบินหนีไปตกลงบนเกาะที่อยู่ใกล้ๆ แลัวก็สลบไป ปีศาจงูตะขาบยักษ์ ได้เข้าโจมตีเรืออย่างหนัก ทุกคนจึงต้องช่วยกันต่อสู้อย่างดุเดือด

     อัสลาน ได้มาปรากฏตัวต่อหน้ามังกร และ ได้ช่วยถอนคำสาปให้มังกร ได้คืนร่างกลับไปเป็นยูซตาส เมื่อยูซตาสฟื้นขึ้นมา เขาก็รีบเอาดาบเล่มสุดท้าย ไปวางบนโต๊ะของอัสลาน แม้จะถูกหมอกสีเขียวมาขัดขวาง แต่ในที่สุด ยูซตาส ก็สามารถวางดาบลงบนโต๊ะได้สำเร็จ ในขณะที่ แคสเปี้ยนกับคนอื่นๆ ช่วยกันใช้เชือกตรึง ปีศาจงูตะขาบยักษ์ เอาไว้ เอ๊ดมันด์ ก็ได้เห็นแม่มดขาว แต่แล้วดาบของปีเตอร์ ที่เขาถืออยู่ก็เรืองแสงขึ้นมา เอ๊ดมันด์ จึงใช้ดาบแทงปีศาจงูตะขาบยักษ์จนตาย
แม่มดขาว และ หมอกสีเขียวก็สลายไป

     หลังจากนั้น แคสเปี้ยน ลูซี่ เอ๊ดมันด์ ยูซตาส และ ริพีชี้พ ก็ได้ลงเรือเล็ก เพื่อเดินทางไปยังดินแดนของอัสลาน ซึ่งมีดอกไม้สีขาวลอยอยู่เต็มผิวน้ำ และ มีคลื่นทะเลสูง ตั้งตระหง่านอยู่บนหาดทราย อัสลาน บอกว่า หลังคลื่นนั้นก็คือ ดินแดนของอัสลาน แคสเปี้ยน อยากจะไปพบกับ พ่อของเขาที่ตายไปแล้ว แต่แล้วเขาก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะนึกขึ้นได้ว่า เขายังมีหน้าที่ ต้องดูแล
อาณาจักร ที่ผ่านมาเขามัวแต่ โหยหาสิ่งที่ขาดหายไป แต่กลับลืมใส่ใจในสิ่งที่เขาได้มา เมื่อเขาได้อาณาจักรมาแล้ว ก็ควรจะดูแลอย่างดี

     ริพีชี้พ ได้ขอไปอยู่ในดินแดนของอัสลาน เพราะเขาไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว อัสลาน ก็อนุญาต เขาจึงร่ำลาทุกคน ก่อนจะพายเรือจิ๋ว ทวนกระแสคลื่นข้ามฝั่งไป อัสลาน ได้บอกกับคนที่เหลืออยู่ว่า ลูซี่กับเอ๊ดมันด์ เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงจะไม่ได้กลับเข้ามาในนาร์เนียอีก แต่ยูซตาสยังจะได้กลับมาอีก แล้วอัสลานก็ส่งทั้ง ๓ คน กลับไปยังโลกที่พวกเขาจากมา

หนัง
แผ่น : DVD และ Blu-ray Disc ลิขสิทธิ์ ค่าย Catalyst ภาพคมชัด-ชัดมาก เสียงดี-ดีมาก

วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

The Lady



แนวหนัง (พม่า+อังกฤษ) : ชีวิต (สร้างจากเรื่องจริงของ อองซาน ซูจี)

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ง่าย ถึง ค่อนข้างง่าย

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในปี 1947 เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า นายพลอองซาน ผู้นำในการเรียกร้อง ประชาธิปไตย ได้ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ในขณะนั้น ด.ญ.อองซาน ซูจี บุตรสาวคนเดียวของเขา เพิ่งมีอายุเพียง ๒ ขวบเท่านั้น ชื่อของนายพลอองซาน ได้กลายเป็นวีรบุรุษ ของชาวพม่าส่วนใหญ่

     ในปี 1988 นางอองซาน ซูจี มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกับ ดร.ไมเคิล ผู้เป็นสามี และ ลูกชายอีก ๒ คน อยู่ในเมืองอ๊อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ จนกระทั่ง ซูจี ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า แม่ของเธอกำลังป่วยหนัก เธอจึงต้องรีบเดินทางกลับไปพม่า เพื่อดูแลแม่ ทันทีที่ ซูจี เดินทางถึงพม่า เธอก็ถูกเฝ้าจับตามอง โดยคนของรัฐบาลทหารพม่า ในระหว่างที่ ซูจี อยู่ดูแลแม่ ที่โรงพยาบาลนั้น เธอก็ได้เห็นทหาร ฆ่าคนตายต่อหน้าเธอ เป็นจำนวนมาก ทั้งนักศึกษาที่เดินขบวน เพื่อเรียกร้อง ประชาธิปไตย ทั้งหมอในโรงพยาบาล ฯลฯ จนเมื่อหมอบอกกับเธอว่า ไม่มีหนทางใด ที่จะรักษาแม่ของเธอ ได้อีกต่อไปแล้ว ซูจี จึงพาแม่กลับไปดูแลต่อที่บ้าน

     มีผู้คนมากมาย มาขอพบ ซูจี ทั้งนักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัย เพื่อขอให้เธอ ได้สานต่องานของพ่อเธอ โดยการเป็นผู้นำ ในการเรียกร้อง ประชาธิปไตย ในตอนแรก ซูจี ยังไม่ตอบรับในทันที เพราะคิดถึงหน้าที่ ในการดูแลสามี และ ลูกๆ ซึ่งเพิ่งจะเดินทาง มาหาเธอที่บ้าน แต่ในที่สุด ซูจี ก็ยอมตกลง ซึ่งไมเคิล ก็สนับสนุนการตัดสินใจของเธอด้วย ต่อมา ได้มีการประกาศจะลาออก ของผู้นำรัฐบาลทหารพม่า และ จะจัดให้มีการเลือกตั้ง เป็นครั้งแรกในพม่า

     ข่าวการปราศัยของ อองซาน ซูจี ที่กำลังจะจัดขึ้น เป็นครั้งแรก ได้แพร่สะพัดไปทั่ว จนเมื่อถึงวันที่ ซูจี เดินทางไปกล่าวปราศัย จึงมีผู้คนไปรอฟัง และ อยากเห็นเธอ กันอย่างล้นหลาม เมื่อจบการปราศัย ชาวพม่าที่ได้ฟัง ต่างก็ปรบมือ แสดงความดีใจกันยกใหญ่ หลังจากนั้น ไมเคิล ก็ได้แอบนำแผ่นพับ สำหรับประชาสัมพันธ์ การก่อตั้งพรรค NLD ภายใต้การนำของ ซูจี ไปถ่ายเอกสาร เป็นจำนวนมาก ในสถานทูตอังกฤษ เพื่อจะได้นำไปแจกจ่าย ให้กับประชาชน ซึ่งก็ทำให้ ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า รู้สึกไม่พอใจ เป็นอย่างมาก จึงได้สั่งยกเลิกวีซ่าของ ไมเคิล และ ส่งทหารไปคุมตัว ส่งเขากลับไปอังกฤษทันที เพื่อเป็นการบั่นทอน กำลังใจของซูจี

     อองซาน ซูจี ต้องตระเวนออกเดินทาง ไปเยี่ยมเยือนประชาชน กลุ่มต่างๆมากมาย ทั่วประเทศ เพื่อแสดงจุดยืน การต่อสู้เรียกร้อง ประชาธิปไตย ด้วยวิธี สันติ อหิงสา แบบเดียวกับ มหาตมะ คานธี แห่งอินเดีย แต่เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน เธอก็ต้องพบกับ ความเศร้าโศก เสียใจ อีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้รู้ว่า แม่ของเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว ในงานศพแม่ของเธอนั้น มีผู้คนมาร่วมไว้อาลัยนับแสนคน เมื่อผู้นำรัฐบาลทหารพม่า เห็นดังนั้น ก็ได้ส่งคนไปเกลี้ยกล่อมให้ ซูจี ยอมกลับไปหาสามี และ ลูกๆ แต่เธอก็รู้ทันว่า ถ้าเธอกลับไปแล้ว เธอจะไม่มีโอกาส ได้กลับมาพม่าอีกเลย เธอจึงตอบปฎิเสธไป ด้วยหวังว่า หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง เธอก็จะได้อยู่พร้อมหน้า ทั้งครอบครัวอีก


     อองซาน ซูจี เดินทางไปกล่าวปราศัย เหมือนอย่างเช่นเคย แต่ในคราวนี้ ได้มีทหารมายืนเรียงแถว ถือปืนจ่อเตรียมจะยิง เพื่อขัดขวางไม่ให้ ซูจี ได้กล่าวปราศัย แต่เธอก็มิได้เกรงกลัว แต่อย่างใด เธอจึงเดินสวน ฝ่าดงปืนผ่านเข้าไปได้ จนเกือบจะถูกนายทหารผู้หนึ่งยิง แต่ก็มีทหารอีกกลุ่มหนึ่ง มาสั่งห้ามเอาไว้ได้ทัน ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า ไม่ต้องการให้เธอตาย เพราะไม่อยากให้เธอ กลายเป็นวีรสตรี เฉกเช่นดังพ่อของเธอ แต่หลังจากนั้น ไม่ว่า อองซาน ซูจี ไปหาเสียงที่ใด ก็จะมีทหาร มาลอบจับ นักศึกษาที่สนับสนุนเธอ ส่งไปชายแดนบ้าง เอาไปฆ่าทิ้งบ้าง

     ด้วยความเป็นห่วง ความปลอดภัยของซูจี ไมเคิล จึงได้ทำการรวบรวม เอกสารที่แสดงประวัติ และ การทำงานเพื่อประชาชนของ อองซาน ซูจี เพื่อนำเสนอ ให้คณะกรรมการ พิจารณา รางวัลโนเบล โดยเขาหวังว่า ถ้าเธอได้รับรางวัลโนเบล ประเทศต่างๆ ก็จะให้ความสนใจ จนรัฐบาลทหารพม่า ไม่กล้า
สังหารเธอ ต่อมา เมื่อได้วีซ่า ไมเคิล ก็ตั้งใจจะพาลูกๆ ไปหาซูจีอีกครั้ง แต่ก็ได้รับแจ้ง ข่าวการเสียชีวิตของพ่อเขาเสียก่อน เขาจึงบอกให้ลูกๆ เดินทางล่วงหน้าไปก่อน

     ซูจี รู้สึกดีใจมาก ที่ได้พบหน้าลูกๆอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีทหาร บุกมาล้อมบ้านของเธอไว้ รัฐบาลทหารพม่า ได้สั่งกักบริเวณเธอ ไม่ให้ออกนอกบ้านอีก และ ยังได้จับตัว เหล่าแกนนำ ในพรรคของเธอ เอาไปขังไว้ในกรงสุนัข ซูจี จึงเริ่มอดอาหารประท้วง เพื่อขอให้ส่งตัวเธอ เข้าไปอยู่ร่วมกับ คนอื่นๆที่ถูกจับไปขังไว้ จนเมื่อ ไมเคิล เดินทางมาถึง เขาจึงไปเจรจาต่อรองให้ รัฐบาลทหารพม่า ยอมรับปากว่า จะดูแลนักโทษการเมือง ให้ได้อยู่ดีขึ้นกว่าเดิม รัฐบาลทหารพม่า ยอมตกลง เพราะเห็นว่า อองซาน ซูจี ได้อดอาหารประท้วง มาเป็นเวลา ๑๒ วันแล้ว จึงเกรงว่า เธอจะเสียชีวิต ซูจี จึงได้ยอมยุติ การอดอาหารประท้วง แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก ไมเคิล และ ลูกๆ ก็ถูกยกเลิกพาสปอร์ต และ ถูกส่งตัวกลับอังกฤษไปอีก

     เมื่อถึงวันประกาศผลการเลือกตั้ง พรรค NLD ของซูจี ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ได้จำนวนส.ส.มากถึง ๓๙๒ คน ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลทหารพม่า ได้จำนวนส.ส.เพียง ๑๐ คนเท่านั้น อองซาน ซูจี เตรียมจะกล่าวปราศัย ที่หน้าบ้านของตน แต่ก็ถูกทหารพม่า ยับยั้งเอาไว้ พร้อมกับใช้ปืนยิงขู่ ไล่ทุกคนที่มาชุมนุมกัน ที่หน้าบ้านของเธอ และ ยังได้เพิ่มจำนวนทหาร เฝ้าในบ้านอีกด้วย รัฐบาลทหารพม่า ได้ทำการล้มการเลือกตั้ง และ ยังคงปกครองพม่า ในแบบเดิมต่อไป

     ที่ประเทศนอร์เวย์ ปี 1991 มีการจัดงานพิธี มอบรางวัลโนเบล ให้กับ อองซาน ซูจี โดย ไมเคิล และ ลูกๆ เป็นผู้ไปรับรางวัลแทน ซูจี ซึ่งกำลังฟังวิทยุ ถ่ายทอดสดจากงานฯ จึงได้ฟังเสียง ของลูกชายคนโต ที่ขึ้นกล่าวบนเวที แทนตัวเธอ หลังจากนั้น เมื่อรัฐบาลทหารพม่า พยายามเชื่อมความสัมพันธ์ กับญี่ปุ่น เพื่อลดความเสียหาย จากการถูกคว่ำบาตร โดยนานาประเทศ ญี่ปุ่นได้ยื่นข้อเสนอ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน โดยให้รัฐบาลทหารพม่า ยอมปล่อยตัว อองซาน ซูจี และ นักโทษการเมืองทุกคน ให้ได้รับอิสรภาพ รัฐบาลทหารพม่า จึงจำยอม ต้องทำตามข้อเสนอนั้น

     ซูจี รู้สึกดีใจมาก จึงรีบเดินทางไปยัง สถานทูตอังกฤษ เพื่อโทร.ไปบอกข่าวดีให้ ไมเคิล ได้รับรู้ ไมเคิล จึงรีบพาลูกๆ เดินทางมาหาซูจี ซึ่งทำให้เธอ รู้สึกดีใจยิ่งขึ้นไปอีก แต่พอพวกเขา เดินทางกลับอังกฤษไป ซูจี ก็ไม่ได้พบกับพวกเขาอีกเลย เพราะรัฐบาลทหารพม่า ไม่ให้เข้าประเทศอีก จนกระทั่งหลายปีผ่านไป ซูจี ได้รับจดหมายจากไมเคิล แจ้งข่าวมาว่า เขาป่วยเป็น โรคมะเร็งระยะสุดท้าย จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ซูจี รู้สึกเสียใจมาก จนคิดอยากจะไปหาไมเคิล แต่ถ้าเธอยอมออกนอกพม่า ไปเมื่อใด เธอก็จะไม่ได้กลับมาอีกเลย ไมเคิล จึงบอกให้เธอ อยู่ต่อสู้ เพื่อประชาชนต่อไป

     เดือนมีนาคม ปี 1999 ไมเคิล อาการโคม่า ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาล ซูจี ได้รู้ข่าว แต่ก็ไม่สามารถไปเยี่ยมได้ ไมเคิล ได้เสียชีวิตลงที่นั่น ซูจี ได้ฟังข่าว ก็รู้สึกเสียใจมาก เธอได้แต่ นอนร้องไห้ อยู่บนพื้นบ้าน เพียงลำพัง โดยไม่สามารถ ไปร่วมงานศพของเขาได้

     หลังจากถูกกักบริเวณ อยู่นานถึง ๑๕ ปี ในปี 2010 อองซาน ซูจี เพิ่งจะได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริง

หมายเหตุ : หนังเรื่องนี้ สร้าง และ กำกับ โดย ชาวฝรั่งเศส ภาษาที่ใช้ในเรื่อง ส่วนใหญ่เป็น ภาษาอังกฤษ รองลงมาคือ ภาษาพม่า

หนัง
แผ่น : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย MVD ภาพคมชัด เสียงดี

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

SeeFood




แนวหนัง : การ์ตูน ครอบครัว ตลก ผจญภัย จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ภายใต้ท้องทะเลที่สวยงาม สีสันสดใส ในขณะที่ พัพ ซึ่งเป็นปลาฉลามกบ (ตัวเล็ก) กำลังว่ายน้ำอยู่ เขาก็ได้เห็นมนุษย์ ๒ คน กำลังดำน้ำ เพื่อจะไปขโมย ไข่ปลาฉลามกบ ที่พ่อแม่ฉลาม วางไข่ทิ้งเอาไว้มากมาย พัพ จึงรีบพุ่งเข้าไปขัดขวาง แต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจึงส่งเสียงร้องเรียกเพื่อน จูเลียส ซึ่งเป็นปลาฉลามครีบขาว (ตัวใหญ่) ได้ยินเสียง จึงรีบตรงมาหา แต่ก็มาช่วยไม่ทัน เพราะมนุษย์ ๒ คนนั้น ได้กลับขึ้นเรือ แล่นออกไปเสียแล้ว พัพ จึงรู้สึกผิด ที่เขาไม่สามารถ ช่วยลูกปลาเหล่านั้นเอาไว้ได้ แม้ว่า จูเลียส จะพยายามปลอบใจสักเท่าใด ก็ไม่สามารถช่วยให้ พัพ รู้สึกดีขึ้นได้บ้างเลย






     สปิน ปลากระเบนที่อยู่ด้วยความหวาดกลัว ว่า สักวันหนึ่ง เขาคงจะต้องตกเป็น อาหารของจูเลียสแน่ๆ สปิน ว่ายน้ำไปพบ เมนูอาหารของมนุษย์ ที่จมอยู่ใต้ท้องทะเล เขาจึงนำมันไปให้ ปลาไพล็อต ๓ ตัว ที่เป็นลูกน้องของจูเลียส เมื่อจูเลียสได้ดู เขาก็รู้สึกสนใจ เมนูอาหารที่ทำจากไก่ ขึ้นมาในทันที ขณะเดียวกันนั้น เมอร์เทิล เต่าตัวเมียผู้สูงวัย ก็ได้แวะมาหาจูเลียสพอดี เมอร์เทิล จึงบอกกับจูเลียส ว่า เนื้อไก่นั้น เป็นอาหารที่อร่อยมากที่สุด ว่าแล้ว เมอร์เทิล ก็พาจูเลียส ขึ้นไปบนผิวน้ำ เพื่อให้เห็นไก่ ที่เดินอยู่บนชายหาด จูเลียส จึงว่ายเข้าไปใกล้ๆ แล้วกระโจนขึ้นไปบนหาดทราย หมายจะลองกินไก่สักตัวหนึ่ง แต่ก็ถูกลูกมะพร้าว หล่นใส่หัวเข้าพอดี เขาจึงเปลี่ยนใจ ขยับกลับลงสู่ทะเล






     เมื่อเห็นว่า ไม่สามารถทำให้ จูเลียส หันไปชอบกินไก่ได้ สปิน จึงว่ายลงสู่ทะเลน้ำลึก เพื่อไปหาปลาไหลเมอเร่ย์ แล้วเขาก็กลับขึ้นมาหาพัพ สปิน ยุให้พัพ ขึ้นไปช่วยลูกปลาฉลาม ที่ถูกมนุษย์ขโมยไป สปิน และ เมอร์เทิล พาพัพขึ้นไปยังผิวน้ำ พัพ ได้เห็นคนที่ขโมยไข่ปลาฉลามไป จึงคิดที่จะไปช่วยลูกปลา เมอร์เทิล พยายามทัดทาน เพราะไม่อยากให้พัพ ต้องไปเสี่ยงอันตราย แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของพัพได้ พัพ ได้ไปขอให้ อ็อคโต้ ปลาหมึกนักประดิษฐ์ ช่วยเหลือเขา แต่อ็อคโต้ก็ไม่ยอมช่วย เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของพัพ สปิน จึงพาพัพ ออกไปแอบฟัง เมอร์เทิลพูดคุยกับอ็อคโต้ จนได้ยินว่า พัพ ก็สามารถหายใจบนบกได้ เหมือนกับเมอร์เทิล






     ในขณะที่ จูเลียส กำลังเล่นว่ายน้ำ หลอกไล่ล่าฝูงปลาตัวเล็ก เขาก็พลาดไปงับเบ็ดตกปลาเข้า จึงถูกชาวประมงลากขึ้นไปบนเรือ ที่มีหูฉลาม (ครีบฉลาม) อยู่มากมาย เมื่อเห็นดังนั้น จูเลียส จึงพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์ เพื่อที่จะเอาตัวรอดให้ได้ จนเมื่อตะขอเบ็ดหลุดออกจากปาก และ มีคลื่นแรงซัดเข้ามาพอดี จูเลียส จึงกระโจนหนีกลับลงทะเลได้ บทเรียนในครั้งนี้ทำให้ เขารู้สึกซึมเศร้ามาก






     เมอร์เทิล เริ่มเดาออกว่า สปิน มีแผนร้ายต่อพัพ จึงรีบไปบอกให้จูเลียสได้รู้ จูเลียส จึงต้องขู่สปิน จนยอมบอกว่า พัพ ขึ้นบกไปช่วยลูกปลา จูเลียส และ มอร์เทิล จึงไปขอความช่วยเหลือจาก อ็อคโต้ ในขณะเดียวกัน พัพ ก็แอบเข้าไปในบ้านคน จนได้พบอ่างน้ำที่ใส่ไข่ปลาฉลาม อ็อคโต้ บอกให้จูเลียสกับเหล่าลูกน้อง เข้าไปอยู่ในหุ่นยนต์ ที่เขาสร้างขึ้น แล้วก็กดปุ่มส่ง พุ่งลอยสูงขึ้นไปในอากาศ แล้วตกลงมาบนพื้นดิน






     ไก่หลายตัวเห็นเข้า ก็จำได้ว่า จูเลียส คือ ปลาฉลามที่เคยเกือบจะกินไก่ จึงเกิดการต่อสู้กัน จูเลียสกับลูกน้อง ต้องบังคับหุ่นยนต์ให้วิ่งหนี แต่ก็ยังทำได้ไม่คล่องนัก จึงไปชนต้นมะพร้าวหลายต้น ลูกมะพร้าวร่วงหล่นจนเกลื่อนพื้น ปูมะพร้าวตัวหนึ่ง เห็นเข้าก็รู้สึกชอบ จึงช่วยนำทางให้หนีไก่ ปูมะพร้าว บอกกับจูเลียสว่า จะช่วยพาไปหาพัพ แต่ต้องแลกกับ การทำให้ลูกมะพร้าว ร่วงหล่นลงพื้นเยอะๆ แต่ยังไม่ทันจะได้พาไปหาพัพ แก๊งค์ไก่ซ่าก็เอาแห มาจับหุ่นยนต์เอาไว้ แล้วกลิ้งไปจนถึงหน้าบ้านคน คนจับปลา ซึ่งเป็นชายหัวล้าน กับหลานชายอีก ๒ คน ที่เคยขโมยไข่ปลาฉลาม จึงได้จับจูเลียสขังเอาไว้






     พัพ ซึ่งได้แอบถ่ายน้ำ และ ลูกปลาฉลาม ลงอ่างที่อยู่บนกระดานติดล้อ แล้วพาหนีออกมาได้ก่อน ก็ได้เข็นอ่างลูกปลา ไปจนใกล้จะถึงชายหาด ในขณะที่เขากำลังจะหมดแรง เมอร์เทิล ก็ได้มาช่วยพาลูกปลาไปลงทะเล ซึ่งอ็อคโต้ก็ได้มารอรับอยู่แล้ว หลังจากนั้นอีกสักครู่ ปูมะพร้าว ก็มาบอกพัพว่า จูเลียส ถูกจับตัวเอาไว้ แล้วจึงพาพัพ ไปช่วยจูเลียส ในระหว่างทาง พัพ ได้พบกับแก๊งค์ไก่ซ่า เมื่อได้คุยกัน พัพ จึงบอกกับพวกไก่ว่า จูเลียส ไม่เคยกินสัตว์อื่นเลย กินแต่ยางรถยนต์เท่านั้น แก๊งค์ไก่ จึงรู้สึกผิด แล้วจึงได้ไปช่วยจูเลียสด้วยกัน








     อ็อคโต้กับเมอร์เทิล พาเหล่าลูกปลาฉลาม กลับลงไปใต้ทะเล แล้วช่วยกันดูแล โดยไม่มีใครรู้ว่า ปลาไหลเมอเร่ย์ ได้นำกองทัพปูแมงมุมยักษ์ จากใต้ทะเลน้ำลึก บุกขึ้นมาใกล้ๆแล้ว เพราะน้ำเสียสีดำจากโรงงาน ไหลปะปนในทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ สปิน เห็นดังนั้น ก็เริ่มรู้สึกผิด จึงรีบไปบอกอ็อคโต้กับเมอร์เทิล อ็อคโต้กับเมอร์เทิล จึงต้องปกป้องลูกปลาฉลาม โดยการไปต่อสู้กับ กองทัพปูแมงมุมยักษ์ จนเหนื่อยอ่อนแรง อ็อคโต้ เห็นว่า ไม่สามารถสู้ได้ เพราะมีกำลังน้อยกว่ามาก จึงชวนให้เมอร์เทิล และ สปิน ช่วยกันนำลูกระเบิด ขึ้นไปวางในท่อระบายน้ำเสียของโรงงาน








     พัพ ปูมะพร้าว และ แก๊งค์ไก่ซ่า ได้ช่วยกันพาจูเลียสกับลูกน้องหนี ชายหัวล้านกับหลานๆ จึงขับรถออกตามไล่ล่า ไปจนถึงชายหาด แก๊งค์ไก่ซ่ากับฝูงปูมะพร้าว ก็ช่วยกันขัดขวาง จนบาดเจ็บกันไปหลายตัว พัพ ก็ถูกทำร้ายจนสลบไป เมื่อเห็นว่า ตนเองกำลังจะถูกรุม ชายหัวล้าน จึงจับพัพไว้เป็นตัวประกัน แล้วขับรถหนีไป จูเลียส จึงรีบบังคับหุ่นยนต์วิ่งตามไป จนสามารถช่วยพัพ เอาไว้ได้ ชายหัวล้าน มัวแต่หนี จนไม่ทันมองทางข้างหน้า จึงขับรถขึ้นสะพานขาด ลอยพุ่งไปชนท่อน้ำทิ้ง ที่อ็อคโต้ได้วางระเบิดเอาไว้ จนโรงงานระเบิด น้ำเสียหยุดไหลลงทะเล








     ในที่สุด ชายหัวล้าน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ของโรงงานจับตัวไป จูเลียส และ เพื่อนๆ ก็ได้กลับลงทะเล ไปขับไล่ปลาไหลเมอเร่ย์ และ กองทัพปูแมงมุมยักษ์ ให้กลับลงสู้น้ำลึกได้สำเร็จ น้ำทะเลก็เริ่มกลับมาใส สะอาดขึ้น จูเลียส พัพ และ เพื่อนๆ จึงได้อยู่ร่วมกัน อย่างมีความสุขต่อไป

หมายเหตุ : หนังเรื่องนี้ เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษ ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งยังไม่ได้เข้าฉายในโรงหนังเมืองไทย แต่ออกมาวางขายในรูปแบบ DVD ซึ่งบันทึกได้ดีมาก ถ้าเปิดดูด้วยระบบ HDMI หรือ Progressive Scan จะยิ่งทำให้ภาพคมชัดมาก จนอาจจะเผลอคิดไปว่า กำลังชมด้วย Blu-ray Disc

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย UNITED ภาพคมชัดมาก สวยมาก เสียงดี

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

Hellboy II : The Golden Army



แนวหนัง : บู๊ จินตนาการ ผจญภัย

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพอเมริกา ได้พบเด็กประหลาดตัวสีแดง ที่หลุดออกมาจากมิตินรก จึงได้ตั้งชื่อว่า เฮลล์บอย และ เลี้ยงดูเฮลล์บอยเอาไว้ พ่อบุญธรรมของเฮลล์บอย เคยเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง เกี่ยวกับสงครามในสมัยโบราณ ระหว่างมนุษย์ กับสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ ซึ่งนำโดย ราชาแบลอร์ หลังจากที่ ฝ่ายราชาแบลอร์ พ่ายแพ้ต่อฝ่ายมนุษย์ ก็ได้มีก๊อบลินมาเสนอตัว ขอสร้างกองทัพหุ่นจักรกลสีทอง ซึ่งไม่มีวันถูกทำลายลงได้ เพื่อใช้ต่อสู้กับมนุษย์ จนได้รับชัยชนะ แต่เพราะกองทัพหุ่นจักรกลสีทองนั้น ไร้จิตใจ ไร้ความเมตตา จนราชาแบลอร์ ไม่สามารถทนดู มนุษย์จำนวนมาก ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม อีกต่อไปได้ จึงตัดสินใจ ทำสัญญาสงบศึก กับฝ่ายมนุษย์ โดยให้มนุษย์ ได้ครอบครองเมือง ส่วนฝ่ายราชาแบลอร์ ก็เข้าไปอยู่ในป่า

     ราชาแบลอร์ ได้แบ่งมงกุฎวิเศษ ที่ใช้ควบคุม กองทัพหุ่นจักรกลสีทอง ออกเป็น ๓ ชิ้น ให้ฝ่ายมนุษย์เก็บไว้ ๑ ชิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ กองทัพหุ่นจักรกลสีทอง ถูกใช้งานอีกต่อไป แต่เจ้าชายนูอาด้า ไม่เห็นด้วยกับพระบิดา จึงได้แยกตัวจากไป เป็นเวลานานแสนนาน จนกระทั่ง มาถึงยุคปัจจุบัน เจ้าชายนูอาด้า ได้เข้าไปชิง ชิ้นส่วนของมงกุฎ ที่อยู่กับมนุษย์ และ กำลังจะถูกประมูลขาย ในอาคารแห่งหนึ่ง โดยใช้ภูติแห่งฟันจำนวนมาก ฆ่ามนุษย์ที่อยู่ในงานประมูล ตายจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่ศพให้เห็น

     เฮลล์บอย กับลิซ ซึ่งเป็นคู่รัก ที่ต้องทำงานร่วมกัน ในหน่วยงานพิเศษ จึงถูกเรียกให้ไป สืบสวนคดีนี้ พร้อมกับทีมงาน ระหว่างตรวจค้น สถานที่เกิดเหตุ ทั้งหมดได้ถูก เหล่าภูติแห่งฟัน รุมโจมตี เอ๊บ มนุษย์ปลา ผู้มีพลังจิตสัมผัส ได้ใช้มือแตะถูกท้องของลิซ เข้าโดยบังเอิญ ทำให้รู้ว่า ลิซ กำลังตั้งครรภ์ แต่เมื่อถูกโจมตีหนักเข้า ลิซ จึงใช้พลังไฟ เผาเหล่าภูติแห่งฟัน จนระเบิดไปทั้งชั้น เฮลล์บอย กระเด็นทะลุหน้าต่าง (อย่างตั้งใจ) ตกลงมาภายนอกอาคาร จนกลายเป็นข่าวครึกโครม

     เจ้าชายนูอาด้า ได้บุกเข้าไปสังหาร ราชาแบลอร์ เพื่อชิงมงกุฏส่วนที่เหลือ แต่เขาก็ได้ไปอีกเพียงชิ้นเดียวเพราะ เจ้าหญิงนูอาล่า ซึ่งเป็นน้องสาวฝาแฝดของเขา แอบหลบหนีไปได้ พร้อมกับชิ้นส่วนมงกุฏ ที่อยู่กับเธอ

     โยฮัน เคร้าส์ ถูกส่งตัวมาเป็น ผู้ควบคุม ดูแล การทำงานของหน่วยพิเศษ คนใหม่ เขาได้ใช้พลังควัน ทำให้ภูติแห่งฟัน ฟื้นจากความตายชั่วคราว ทำให้ได้รู้ว่า พวกมันถูกซื้อมาจากตลาดโทรล เขาจึงนำทีมไปค้นหา จนพบทางเข้าตลาดโทรล โยฮัน สามารถเปิดประตูกล ที่มีการเข้ารหัสอันซับซ้อนได้ พวกเขาจึงได้ เข้าไปเดินสำรวจ ภายในตลาดโทรล เอ๊บ ได้เห็นหญิงสาวที่ใส่กำไล ซึ่งมีสัญลักษณ์ของราชวงค์ เขาจึงแอบตามเธอไป จนได้รู้ว่า เธอคือ เจ้าหญิงนูอาล่า ซึ่งมาเอาแผนที่ ที่ซ่อนกองทัพหุ่นจักรกลสีทอง เพื่อนำไปซ่อนให้พ้นจากพี่ชาย



     เจ้าหญิงนูอาล่า มีพลังจิตสัมผัส เหมือนกับเอ๊บ ทั้งคู่จึงได้รู้จักกัน แต่ยังไม่ทันไร สมุนของเจ้าชายนูอาด้า ก็ตามมาพบเข้า เอ๊บ จึงต้องช่วยปกป้องเจ้าหญิง เฮลล์บอย เห็นดังนั้น จึงเข้าไปต่อสู้ กับสมุนของเจ้าชายนูอาด้า จนชนะ เมื่อเจ้าชายนูอาด้า รู้ว่า สมุนเอกที่เขาส่งมา ได้ตายไปแล้ว เขาจึงรีบมาดักเอาไว้ แล้วโยนสิ่งที่คล้ายเมล็ดถั่วสีเขียว ลงไปสู่ท่อระบายน้ำ สักครู่มันก็กลายเป็น รุกขเทพ ที่มีขนาดใหญ่กว่าตึกแถวนั้น มันได้ทำลายรถ ที่จอดเรียงราย อยู่เต็มถนน จนพังพินาศไปทั่ว เฮลล์บอย ได้ช่วยอุ้มเด็กทารก ออกมาจากรถคันหนึ่ง แล้วใช้ปืนกระบอกใหญ่พิเศษ ยิงไปทำลายรุกขเทพลงได้ แต่แม่ของเด็ก รวมทั้งฝูงชน กลับแสดงความไม่พอใจ ต่อเฮลล์บอย

     ระหว่างที่ เจ้าหญิงนูอาล่า หลบซ่อนตัวอยู่ที่หน่วยพิเศษ โดยมี เอ๊บ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งคู่จึงเริ่มชอบพอกัน เจ้าหญิงนูอาล่า รู้ว่า พี่ชายจะต้องตามมาพบจนได้ จึงได้ซ่อนชิ้นส่วนมงกุฎ และ เผากระบอกใส่แผนที่ เมื่อเจ้าชายนูอาด้า ตามมาถึง ก็หยิบกระบอกใส่แผนที่ ออกจากกองไฟ มากลิ้งไปบนโต๊ะ จนเห็นเป็นแผนที่ เฮล์บอย เข้ามาต่อสู้กับเจ้าชาย แต่เอ๊บ บอกกับเฮลล์บอยว่า ถ้าทำร้ายเจ้าชาย เจ้าหญิงก็จะได้รับบาดเจ็บด้วย เพราะเป็นคู่แฝด ที่มีความเชื่อมโยงกัน เฮลล์บอย จึงพลาดท่า ถูกปลายหอกแทง เข้าใกล้หัวใจ เจ้าชายนูอาด้า ได้หักปลายหอก ทิ้งคาไว้ บนร่างของเฮล์บอย แล้วบอกให้นำชิ้นส่วนมงกุฎ ไปแลกกับเจ้าหญิง ก่อนจะนำตัวเจ้าหญิงกลับไปด้วย

     เอ๊บ พยายามดึงปลายหอก ออกจากร่างของเฮลล์บอย แต่เมื่อสัมผัสถูกมัน มันก็ยิ่งแทงลึกลงไป ใกล้หัวใจมากขึ้น จึงไม่สามารถเอาออกได้ หลังจากนั้น เอ๊บ ก็หาชิ้นส่วนมงกุฎจนพบ แต่ยังไม่ได้บอกใคร ลิซ ร้อนใจอยากจะช่วยเฮลล์บอย โยฮัน ลิซ และ เอ๊บ จึงช่วยกันพาเฮลล์บอย ไปค้นหาที่ซ่อนของ กองทัพหุ่นจักรกลสีทอง ตามที่เคยเห็นในแผนที่ จนได้พบกับ ก๊อบลิน ผู้สร้างกองทัพหุ่นจักรกลสีทอง ก๊อบลิน อยากได้ปลายหอก ที่อยู่บนร่างของเฮลล์บอย จึงพาพวกเขาไปพบกับ ทูตมรณะประจำตัวของเฮลล์บอย ทูตมรณะ ได้ช่วยเอาปลายหอก ออกจากร่างของเฮลล์บอย

     เมื่อก๊อบลิน ได้ปลายหอกสมใจ และ เฮลล์บอย ก็หายเป็นปกติแล้ว ก๊อบลิน ก็พาทุกคนไปส่ง จนได้พบกับเจ้าชายนูอาด้า เอ๊บ ได้มอบชิ้นส่วนมงกุฎ ให้เจ้าชาย เพื่อแลกกับเจ้าหญิง แต่เจ้าชายนูอาด้า กลับไม่ยอมส่งตัวเจ้าหญิงให้ แถมยังประกอบมงกุฎ แล้วสั่งกองทัพหุ่นจักรกลสีทอง ให้เข้าโจมตี จึงเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ไม่ว่า เฮลล์บอย และ โยฮัน จะทำลายหุ่นจักรกล ไปได้มากเท่าใด มันก็คืนสภาพกลับขึ้นมาได้อีก เฮลล์บอย จึงตัดสินใจ ท้าประลองกับ เจ้าชายนูอาด้า


      เจ้าชายนูอาด้า จำใจยอมรับคำท้า เพราะเจ้าหญิงนูอาล่า บอกว่า เฮลล์บอย เป็นเจ้าชายแห่งมิตินรก หลังจากต่อสู้กัน จนเฮลล์บอยเป็นฝ่ายชนะ เจ้าชายนูอาด้า ก็จะแอบลอบทำร้ายเฮลล์บอย จากด้านหลัง เจ้าหญิงนูอาล่า จึงใช้มีดแทงตัวเอง จนเสียชีวิตไปพร้อมกันทั้งคู่ ลิซ จึงใช้พลังไฟ เผามงกุฎจนหลอมละลาย เพื่อไม่ให้ใคร สามารถปลุก กองทัพหุ่นจักรกลสีทอง ขึ้นมาได้อีกต่อไป

หนังแผ่น : DVD และ Blu-ray Disc ลิขสิทธิ์ ค่าย Catalyst ภาพคมชัด-ชัดมาก เสียงดี-ดีมาก

วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Horton Hears a Who!



แนวหนัง : การ์ตูน ครอบครัว ผจญภัย ตลก

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างปานกลาง (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในป่าแห่งนูล ขณะที่ช้างหนุ่ม ฮอร์ตัน กำลังเพลิดเพลิน อยู่กับการเล่นน้ำ ก็มีฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว ปลิวลมลอยผ่านไป ทันใดนั้น ฮอร์ตัน พลันได้ยินเสียงเล็กๆ ร้องขอความช่วยเหลือ ฮอร์ตัน จึงพยายามช่วย โดยการวิ่งตามไป แล้วเด็ดดอกโกลเวอร์ มารองรับละอองจิ๋วนั้นไว้ ฮอร์ตัน เฝ้าคอยดูแล และ พูดคุยกับละอองจิ๋ว อยู่ตลอดเวลา จนมอร์ตัน เพื่อนตัวเล็กของเขา ต้องเตือนเขา ให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่เขาก็อดไม่ได้ ที่จะเล่าให้เด็กๆ ที่ชอบเล่นกับเขาได้ฟัง

     ในเมือง ฮูวิลล์ เมืองเล็กๆที่อยู่บนละอองจิ๋วนั้น มีนายกเทศมนตรี ซึ่งมีลูกสาวถึง ๙๖ คน และ ลูกชาย ๑ คน นายกฯ ต้องคอยสอน และ เล่นกับลูกๆทุกคน โจโจ้ ซึ่งเป็นลูกชาย ไม่อยากจะรับสืบทอด ตำแหน่งนายกเทศมนตรี จากพ่อของเขาเลย นายกฯ เริ่มสังเกตุเห็นความผิดปกติบางอย่าง เขาจึงไปขอให้สภาเมือง เลื่อนงานฉลองเมืองครบรอบ ๑๐๐ ปี ออกไปก่อน แต่สภาฯไม่ยอมเลื่อน และ ยังต่อว่านายกฯอีกด้วย เมื่อนายกฯกลับถึงบ้าน เขาจึงร้องตะโกนออกมา เพราะความเครียด


     ฮอร์ตัน ได้ยินเสียงของนายกฯ เขาจึงพยายามพูดด้วย จนเมื่อเสียงของฮอร์ตัน ผ่านออกมาทางท่อลำโพง ในบ้านของนายกฯ นายกฯจึงได้ยิน แต่นายกฯก็ยังไม่เชื่อ เรื่องที่ฮอร์ตัน บอกเขาว่า เมืองฮูวิลล์ ตั้งอยู่บนละอองจิ๋ว ปลิวลมลอยไปมา ฮอร์ตัน จึงพิสูจน์ด้วยการ นำละอองจิ๋วเข้าที่ร่ม เพื่อบังแสงแดด สลับกับการนำออกตากแดด หลายๆครั้ง จนนายกฯยอมเชื่อ นายกฯจึงได้ขอให้ ฮอร์ตัน ช่วยหาที่อยู่ใหม่ ที่มีความมั่นคง มากกว่าในตอนนี้ ฮอร์ตัน จึงได้ออกเดินทาง ไปยังยอดเขานูล โดยมีเด็กๆติดตามไปด้วย

     นางจิงโจ้แม่ลูกอ่อน เห็นดังนั้น ก็รู้สึกไม่พอใจ ในการกระทำของฮอร์ตัน จึงกระโดดเข้าไปขวาง และ พยายามจะแย่งดอกโกลเวอร์ เพราะนางไม่เชื่อว่า มีสิ่งมีชีวิต อยู่บนละอองขนาดจิ๋วนั้น แต่ฮอร์ตันไม่ยอมให้ นางจิงโจ้ จึงแอบไปหานกแร้ง และ พูดหลอกล่อจน นกแร้งยอมช่วยนาง


     ฮอร์ตัน ต้องเดินข้ามเหว ไปบนสะพานเชือก ด้วยความยากลำบาก แต่ในที่สุด เขาก็ข้ามผ่านมันไปได้สำเร็จ แต่ก็ต้องมาเจอกับ นกแร้ง ที่บินโฉบไปมาจน ฮอร์ตัน ต้องวิ่งหนี เขาจึงรีบบอกนายกฯ ให้เตือนทุกคนในเมือง แต่สภาฯก็มาขัดขวางไว้อีก  นายกฯจึงเล่าเรื่อง ที่รู้มาจากฮอร์ตัน แต่ไม่มีใครยอมเชื่อ เพราะประชาชนเชื่อสภาฯมากกว่า

     นกแร้ง บินโฉบอีกหลายครั้ง จนสามารถแย่งดอกโกลเวอร์ ไปจากฮอร์ตันได้ จากนั้นมันก็บินขึ้นภูเขาไป ฮอร์ตัน รีบปีนตามขึ้นไป แต่ก็ไม่ทัน นกแร้ง ทิ้งดอกโกลเวอร์ จากยอดเขา ลงบนทุ่งโกลเวอร์ขนาดใหญ่ บนพื้นดิน ฮอร์ตัน ต้องลงไปควานหาทีละดอก จนพบดอกที่ ๓ ล้าน ซึ่งมีละอองจิ๋วอยู่ ฮอร์ตัน ส่งเสียงเรียก แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ เขาจึงรู้สึกโศกเศร้า เสียใจมาก แต่แล้วเขาก็ได้ยิน เสียงของนายกฯ ฮอร์ตัน จึงรู้สึกดีใจมาก ชาวฮูวิลล์ทุกคน ก็ได้ยินเสียงของฮอร์ตันด้วย พวกเขาจึงยอมเชื่อนายกฯ



     เมื่อ นางจิงโจ้ รู้เรื่องเข้า นางจึงไปยุให้สัตว์ทุกตัวในป่า ช่วยกันตามจับไปตัวฮอร์ตัน เมื่อเหล่าสัตว์ตามไปทัน ก็เข้าล้อมฮอร์ตันเอาไว้ นางจิงโจ้ บังคับให้ฮอร์ตัน ยอมรับว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิต อยู่บนละอองจิ๋วนั้น ฮอร์ตัน ไม่ยอมรับ จึงถูกจับเข้ากรงขัง นายกฯ จึงขอให้ชาวฮูวิลล์ทุกคน ช่วยกันส่งเสียงให้ดังที่สุด แต่สัตว์ตัวอื่นๆก็ยังไม่ได้ยิน นายกฯเห็นว่า โจโจ้หายไป จึงไปตามหาบนหอดูดาว เขาจึงได้เห็นว่า โจโจ้ กำลังพยายามใช้ เครื่องดนตรีสารพัดชนิด ที่มีอยู่เต็มหอดูดาว ส่งเสียงดังพร้อมๆกัน

     ในขณะที่ นางจิงโจ้ ซึ่งแย่งดอกโกลเวอร์ ไปจากฮอร์ตันได้แล้ว กำลังจะทิ้งมันลงในหม้อ ที่มีน้ำเดือดอยู่ โจโจ้ ก็ได้ตะโกนผ่านท่อลำโพง จนทะลุเมฆออกมา ลูกจิงโจ้ ซึ่งอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของนางจิงโจ้ จึงได้ยินเสียง และ คว้าดอกโกลเวอร์เอาไว้ได้ทัน ลูกจิงโจ้ บอกให้สัตว์ทุกตัว ตั้งใจฟัง สัตว์ทั้งหลาย จึงได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน ลูกจิงโจ้ จึงนำดอกโกลเวอร์ ไปส่งคืนให้ฮอร์ตัน สัตว์ทุกตัวจึงไม่ยอมเชื่อนางจิงโจ้ อีกต่อไป นางจิงโจ้ จึงรู้สึกสำนึกผิด และ กลับใจมาช่วยฮอร์ตัน ดูแลละอองจิ่ว บนดอกโกลเวอร์ ชาวฮูวิลล์ และ เหล่าสัตว์ทั้งหลาย จึงร่วมกันร้องเพลงด้วยกัน อย่างมีความสุข

หนังแผ่น : DVD และ Blu-ray Disc ลิขสิทธิ์ ค่าย Catalyst ภาพคมชัด-ชัดมาก (สวยมาก) เสียงดี-ดีมาก