วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

The Last Airbender



แนวหนัง : บู๊ จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างปานกลาง (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     เมื่อ ๑๐๐ ปีก่อน คน ๔ เผ่า ซึ่งมีพลังในการควบคุม ดิน น้ำ ลม ไฟ ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข โดยมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถควบคุมธาตุทั้งสี่ได้ แต่เขาก็ได้หายตัวไป ๑๐๐ ปีแล้ว คาทาร่า เด็กสาววัยรุ่น ชาวเผ่าวารีใต้ ผู้มีพลังควบคุมธาตุน้ำ อาศัยอยู่กับ โซกกะ พี่ชายของเธอ ที่ขั้วโลกใต้ ในขณะที่ โซกกะ กำลังล่าสัตว์ ก็มีก้อนน้ำแข็งทรงกลมยักษ์ โผล่ขึ้นมาจากรอยแตกของพื้นน้ำแข็ง คาทาร่า เจาะก้อนน้ำแข็งนั้น ก้อนน้ำแข็งก็แตกกระจายออก พร้อมกับมีแสงสว่างพุ่งขึ้นท้องฟ้า พบว่า มีเด็กผู้ชาย กับ สัตว์ขนาดยักษ์ นอนสลบอยู่ตรงนั้น คาทาร่ากับโซกกะ จึงพาเด็กคนนั้น กลับไปพักที่บ้าน เมื่อฟื้นขึ้นมา เขาบอกกับเธอว่า เขาชื่อ อัง เป็นชาวเผ่าลม ที่แอบหนีออกมา แต่แล้ว ซูโก เจ้าชายเผ่าอัคคี ก็นำทหารมา จับตัวเด็กคนนั้นไป

     ย่าของคาทาร่า เล่าให้เธอฟัง ว่า อวตารของผู้ที่สามารถควบคุมธาตุทั้งสี่ได้ จะเกิดในเผ่าลม แล้วจึงอนุญาตให้ คาทาร่ากับโซกกะ ตามไปช่วยอัง พอดีกับที่ อัง ใช้พลังควบคุมลม จนสามารถหนี ออกจากเรือของซูโก มาพบกับ คาทาร่า และ โซกกะ ที่ตามมาถึงพอดี อัง จึงพาคาทาร่ากับโซกกะ ไปที่อยู่ของเผ่าลม แต่คนในเผ่าลม ได้ตายไปหมดนานแล้ว คาทาร่าบอกกับอัง ว่า เขาหลับอยู่ในก้อนน้ำแข็ง ถึง ๑๐๐ ปี เผ่าไฟรู้ว่าอวตารจะมาเกิดในเผ่าลม จึงบุกมาสังหารชาวเผ่าลมทั้งหมด


     ซูโก เจ้าชายเผ่าอัคคี ผู้ถูกราชันย์อัคคี (พ่อของเขา) เนรเทศ ไม่สามารถกลับเผ่าอัคคีได้ จนกว่าจะได้ตัวอวตารกลับไปด้วย เขาจึงพยายามตามหาอวตาร เมื่อ อัง คาทาร่า และ โซกกะ เดินทางไปถึงเผ่าดิน ซึ่งถูกควบคุมโดยเผ่าอัคคี ทั้ง ๓ คน ก็ถูกจับ อัง จึงแสดงตน ว่า เขาคืออวตาร ด้วยการใช้พลังลม และ ขอร้องให้ชาวเผ่าดิน ร่วมกันสู้กับทหารเผ่าอัคคี จนสามารถขับไล่ ทหารเผ่าอัคคีออกไปได้ อัง บอกกับคาทาร่า ว่า เขาแอบหนีออกมา ก่อนที่จะได้ฝึกวิชา ควบคุมธาตุอื่นๆ เพราะอาจารย์บอกกับเขา ว่า อวตารจะมีครอบครัวไม่ได้ โซกกะจึงพาอังกับคาทาร่า ไปเผ่าวารีเหนือ เพื่อหาคนสอนวิชาควบคุมธาตุน้ำให้อัง

     ระหว่างทาง อัง หลงกล ถูกทหารเผ่าอัคคี ซึ่งนำโดย ผู้การเชา จับตัวไว้ได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน อัง ก็หนีรอดออกมาได้ ด้วยความช่วยเหลือของ คนใส่หน้ากาก ซึ่งก็ถูกทำร้ายจนสลบไป อัง จึงเปิดหน้ากากออกดู พบว่า เขาก็คือ ซูโก นั่นเอง อัง จึงพาซูโกหนี ก่อนจะแยกไป อัง คาทาร่า และ โซกกะ ไปถึงเผ่าวารีเหนือ ราชันย์วารีเหนือ ได้สอนวิชา ควบคุมธาตุน้ำ ให้อัง และ คาทาร่า พร้อมกับเตรียมรับมือกับเผ่าอัคคี เมื่อสามารถควบคุมธาตุน้ำได้แล้ว อัง ต้องการพบ วิญญาณเทพมังกร เจ้าหญิงเผ่าวารีเหนือ จึงพาเขากับคาทาร่าไปยัง ถ้ำศักสิทธิ์ เพื่อเข้าฌาน ซูโก ตามไปถึง คาทาร่า จึงได้ต่อสู้กับซูโก  จนเธอสลบไป ซูโกจึงนำร่างของอังไปซ่อนไว้ วิญญาณเทพมังกร ได้บอกกับอัง ว่า อวตาร ต้องอยู่เหนือ ความทุกข์โศกของมนุษย์ อวตาร ไม่ได้เกิดมาเพื่อฆ่าใคร จงใช้มหาสมุทร เพื่อเอาชนะเผ่าอัคคี

     หลังจากนั้น อัง ก็ตื่นจากฌาน แล้วต่อสู้กับซูโก จนสามารถตรึงร่างของซูโก ไว้ในน้ำแข็ง ในขณะเดียวกัน ผู้การเชา แม่ทัพเผ่าอัคคี ก็เข้าไปใน ถ้ำศักสิทธิ์ เพื่อฆ่าวิญญานเทพจันทรา ซึ่งอยู่ในร่างของปลา เพราะชาวเผ่าวารี ได้รับพลังจากเทพจันทรา เจ้าหญิงเผ่าวารีเหนือ เคยได้รับพลังชีวิต จากเทพจันทรา ตั้งแต่ตอนที่เธอเกิด เธอจึงยอมสละชีวิต เพื่อคืนกลับสู่ร่างปลา พลังของเทพจันทรา จึงกลับคืนมา ส่วนผู้การเชา ก็ถูกชาวเผ่าวารีเหนือฆ่าตาย อัง ได้ใช้พลังวารี ควบคุมมหาสมุทร สร้างกำแพงน้ำขนาดยักษ์ จนสามารถไล่ชาวเผ่าอัคคีกลับไปได้

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย UNITED ภาพคมชัด เสียงดี แต่สำหรับเครื่องเล่นบางรุ่น อาจต้องใส่แผ่นหลายรอบจึงจะดูได้

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Cyborg She



แนวหนัง (ญี่ปุ่น) : ชีวิต ตลก โรแมนติก ตื่นเต้นช่วงท้ายเรื่อง

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ปานกลาง ถึง ค่อนข้างยาก

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     วันที่ 22 พ.ย. 2007 จิโร่ ต้องฉลองวันเกิดครบ ๒๐ ปี ของเขาเพียงลำพัง ขณะที่ กำลังเดินซื้อของขวัญให้ตัวเอง อยู่ในห้างฯ จิโร่ มองเห็นสาวสวย ท่าทางแปลกๆคนหนึ่ง เธอกำลังขโมยชุดเสื้อผ้าในห้างฯมาใส่ แถมยังส่งยิ้มให้เขาอีก จิโร่ รู้สึกชอบเธอทันทีที่ได้เห็น หลังจากนั้น เขาก็เข้าไปนั่งกินอาหารในภัตตาคาร เธอก็ยังตามเข้าไป นั่งร่วมโต๊ะกับเขาด้วย เธอสั่งอาหารมามากมาย ในเวลาเดียวกัน กลุ่มผู้ชายที่อยู่โต๊ะใกล้ๆ ก็กำลังฉลองวันเกิดให้เพื่อน โดยการผลักศรีษะเจ้าของวันเกิด ให้หน้าทิ่มลงไปบนขนมเค้ก จนหน้าเลอะเทอะ แล้วเขย่าขวดแชมเปญ ก่อนจะเปิดขวด จนแชมเปญพุ่งใส่หน้า เธอบอกกับจิโร่ว่า วันนี้เป็นวันเกิดของเธอด้วย

     หลังกินอาหารจนอิ่ม เธอก็ชวนจิโร่ วิ่งหนีออกจากภัตตาคารไป อย่างสนุกสนาน จนกระทั่ง ถึงห้องพักบนดาดฟ้าอาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องพักที่จิโร่อาศัยอยู่ เธอปาก้อนหินเข้าไป จนกระจกหน้าต่างแตก แล้วก็ร้องไห้ พร้อมกับบ่นน้อยใจ ที่เธอเคยถูกต่อว่ามาก่อน จิโร่ ได้แต่รับฟัง แม้เขาจะไม่เข้าใจเลยก็ตาม หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไปเดินเล่น สักครู่หนึ่ง เธอก็บอกให้จิโร่หลับตา แล้วจึงบอกว่า จะต้องแยกกันตรงนี้ ให้จิโร่นับ ๑ ถึง ๑,๐๐๐ แล้วค่อยลืมตา ทั้งคู่ได้แลกของขวัญวันเกิดกัน ก่อนที่เธอจะวิ่งห่างออกไป แต่เธอก็ยังหันกลับมาบอก ว่า เธอมาจากอนาคตอีกกว่าร้อยปีข้างหน้า ทั้งคู่ฝืนยิ้มให้กันทั้งน้ำตา ก่อนที่เธอจะวิ่งหายไป

     วันที่ 22 พ.ย. 2008 จิโร่ ต้องฉลองวันเกิดตามลำพังเช่นเคย แต่วันนี้ เขาสังหรณ์ใจว่า อาจจะได้พบกับเธอคนนั้นอีกครั้ง ในตอนค่ำวันเดียวกัน ได้เกิดสายฟ้าฟาด ลงกลางสี่แยกแห่งหนึ่ง พร้อมกับมีแสงสว่างจ้า เธอคนนั้นปรากฏตัวขึ้น กลางสี่แยกแห่งนั้น ในขณะที่ ผู้คนแถวนั้น ต่างพากันตกตะลึง เธอก็เดินเข้าไป ในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง มีคนร้าย ๓ คน จะเข้ามาลวนลามเธอ เธอจึงซัดทั้ง ๓ คน จนกระเด็นไปไกล จากนั้น เธอก็เดินเข้าไปในห้างฯ ขโมยชุดเสื้อผ้ามาเปลี่ยน โดยปล่อยกระแสไฟฟ้า ออกจากดวงดาของเธอ ช็อตพนักงานขายจนสลบ แล้วยังไปขโมยขนมเค้ก และ ดอกไม้ อีกด้วย

     เธอนำขนมเค้กไปให้จิโร่ ซึ่งกำลังนั่งกินอาหาร อยู่ในภัตตาคารเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว เธอมอบขนมเค้ก และ ดอกไม้ ให้จิโร่ แล้วร้องเพลง Happy Birth Day ให้ฟัง พอจบเพลง เธอก็ผลักศรีษะของเขา จนหน้าทิ่มลงไปบนขนมเค้ก แล้วเขย่าขวดแชมเปญ ก่อนจะเปิดขวด ให้แชมเปญพุ่งใส่หน้าของจิโร่ ซึ่งเปื้อนหน้าเค้กอยู่ ทันใดนั้นเอง ชายคนหนึ่งที่ดื่มเหล้าอยู่ในร้าน ก็หยิบปืนยาวออกมายิง ไปทั่วภัตตาคาร เธอปกป้องจิโร่ไว้ ไม่ให้ถูกยิง และ หยิบขวดปาใส่คนร้าย ก่อนที่คนร้ายจะจุดไฟเผา เธอกรอกน้ำมัน ที่คนร้ายนำมาด้วย เข้าปากของเขา แล้วจับโยนออกไปนอกร้าน ก่อนที่เธอจะพาจิโร่ เดินออกไป ในขณะที่ คนร้ายกำลังสำลักน้ำมัน ก็มีคนโยนบุหรี่ลงมา ไฟลุกพรึบจนร่างคนร้าย หายไปในพริบตา

     ทั้งคู่ไปถึงบ้านพักของจิโร่ เกิดไฟฟ้าดับ เธอฉายภาพสามมิติ ของชายชราพิการนั่งรถเข็น ชายในภาพบอกกับจิโร่ ว่า เขาคือ จิโร่ ในอนาคตอีก ๖๕ ปีข้างหน้า เขาพิการเพราะถูกยิง จากเหตุการณ์ในภัตตาคาร เขาจึงสร้างหุ่นยนต์ (Cyborg) ขึ้นมา โดยใช้เวลานานถึง ๖๕ ปี แล้วส่งเดินทางย้อนเวลากลับมา เพื่อช่วยแก้ไขเหตุการณ์ต่างในอดีต จนถึงภัยพิบัติครั้งใหญ่ด้วย ในตอนนี้ เธอเป็นเพียงหุ่นยนต์ แต่เธอก็สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากจิโร่ได้

     นับแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ติดตามจิโร่ ไปทุกหนทุกแห่ง ในบางครั้ง เธอต้องอุ้มจิโร่ วิ่งไปเข้าห้องเรียนให้ทันเวลา ในตอนค่ำ จิโร่ไปสังสรรค์กับเพื่อน เธอก็ไปร่วมวงด้วย แต่เมื่อเธอดื่มเหล้าเข้าไป ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร เธอฉายภาพออกจากดวงตา แล้วหมุนศรีษะ ๑ รอบ จิโร่ ต้องรีบพูดกลบเกลื่อน ก่อนจะพาเธอกลับบ้าน เมื่อถึงวันหยุด จิโร่ ไปทำงานในร้านอาหาร เธอก็ตามไปด้วย มีเด็กคนหนึ่ง กำลังจะถูกรถบรรทุกชนที่หน้าร้าน เธอก็วิ่งไปช่วยไว้ได้ทัน เธอกับจิโร่ อยู่ด้วยกันตลอด ทำกิจกรรมต่างๆด้วยกัน จิโร่ รู้สึกมีความสุขมาก

     เช้าวันหนึ่ง จิโร่ ตื่นขึ้นมา เห็นหน้าเธอเลอะเขม่าควัน เมื่อเปิดโทรทัศน์ดู ก็เห็นข่าวไฟไหม้ เด็กๆให้สัมภาษณ์ว่า มีนางฟ้ามาช่วยพวกเขาไว้ทั้งหมด จิโร่ จึงรู้ว่า เธอไปทำอะไรมา เธอได้เอ่ยปากชวนจิโร่ ให้ไปเที่ยวที่บ้านเกิดของเขา จิโร่ บอกว่า ที่นั่นเคยเกิดแผ่นดินไหว สภาพหมู่บ้านเปลี่ยนไปมาก ไม่มีใครที่เขารู้จัก หลงเหลืออยู่แล้ว

     เธอได้พาจิโร่ ขึ้นรถบัสไปถึงหมู่บ้านที่เขาเกิด จิโร่ ได้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังคงดูเหมือนเดิม เหมือนได้ย้อนเวลากลับสู่อดีต เธอขอให้เขารับปากว่า เขาจะไม่พูดกับใครเด็ดขาด ทั้งคู่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน จิโร่ ได้เห็นผู้คนมากมาย รวมทั้งตัวของเขาในวัยเด็กด้วย จิโร่ เดินชื่นชมบรรยากาศเก่าๆ ไปพร้อมกับเธอ อย่างมีความสุข เธอบอกกับเขาว่า จิโร่ในอนาคต บอกให้เธอพาเขามาที่นี่ จิโร่ ได้เห็นยาย ออกมายืนรอรับตัวเขาในวัยเด็ก หลังเลิกเรียน เพื่อจะได้เดินกลับบ้านด้วยกัน ได้เห็นแมวชื่อ ราอูล ที่เขาเคยเลี้ยงไว้ ได้เห็นตัวเขาในวัยเด็ก กำลังซ่อนกล่องใบหนึ่ง ไว้ในกำแพงบ้าน จิโร่ จึงเดินเข้าไป หยิบกล่องใบนั้นออกมา เมื่อเปิดออกดูก็พบว่า มีรูปถ่ายของเขากับยาย และ สิ่งของต่างๆ ที่ทำให้เขาระลึกถึง ความทรงจำอันแสนอบอุ่น จิโร่ เล่าให้เธอฟังว่า ตอนเด็กๆเขาชอบขี่หลังยาย หลังของยายอบอุ่นมาก และ เขาเพิ่งมารู้ในภายหลังว่า ยายก็คือ แม่แท้ๆของเขานั่นเอง แต่เพราะแม่มีลูกตอนแก่ จึงได้ปิดบังไว้ เพื่อไม่ให้เขารู้สึกอายคนอื่น


     เมื่อกลับถึงบ้าน จิโร่ ก็เริ่มไม่สบาย อาจเป็นเพราะ เขาได้ขี่หลังของเธอ ซึ่งเย็นเฉียบ หรือ เพราะการเดินทางย้อนเวลา ก็เป็นได้ ระหว่างที่ จิโร่ อยู่ในโรงพยาบาล เขาได้เห็นข่าวจากโทรทัศน์ มีคนร้ายเป็นชายคนหนึ่ง บุกเข้าไปในโรงเรียน จับครู และ นักเรียน ไว้เป็นตัวประกัน ตำรวจแอบซุ่มยิง แต่พลาดเป้า ทำให้คนร้ายยิ่งโมโหมากขึ้น จะใช้มีดทำร้ายครู และ นักเรียน ทันใดนั้น เธอก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว จับตัวคนร้ายโยนออกมา จากหน้าต่างชั้นบน ลงมาบนพื้นเบื้องล่าง ตำรวจจึงสามารถ จับตัวคนร้ายเอาไว้ได้ โดยไม่มีใครเห็นว่า เธอคือใคร เมื่อเห็นดังนั้น จิโร่ ยิ่งรู้สึกชื่นชม และ หลงรักเธอมากขึ้นไปอีก เธอได้เล่าให้เขาฟังว่า จิโร่ในอนาคต รู้สึกโศกเศร้าเสียใจ ต่อเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆที่เกิดขึ้น จึงได้ส่งเธอมา เพื่อแก้ไขเหตุการณ์เหล่านั้น

     แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก จิโร่ ก็เริ่มรู้สึกทุกข์ใจ ที่เขาได้แต่หลงรักเธอข้างเดียว เขาอยากให้เธอ รู้สึกถึงหัวใจของเขาบ้าง แล้วในคืนหนึ่ง จิโร่ ก็ไปเที่ยวสถานบันเทิง กับหญิงสาวคนหนึ่ง เพื่อจะทำให้เธอหึง แต่เธอก็ไม่รู้สึกอะไรเลย จิโร่ เมาจนอาเจียน เขาได้ต่อว่าเธอ ต่างๆนานา และ บอกกับเธอว่า อย่ามาให้เขาเห็นหน้าอีก ก่อนที่เขาจะวิ่งกลับบ้านไป

     เช้าวันรุ่งขึ้น จิโร่ ตื่นขึ้นมาไม่เห็นเธอ เขาจึงได้แต่ คิดถึงเธอ เมื่อเขากลับมาบ้านอีกครั้ง เขาก็พบ ราอูล แมวที่เขาเคยเลี้ยงไว้ ตอนที่ยังเป็นเด็ก แต่เขาก็ยังไม่เห็นเธอ วันต่อมา จิโร่ หาราอูลไม่พบ ทันใดนั้น ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ตึกถล่ม บ้านสั่นสะเทือน พื้นบ้านแยก บ้านแตกออกเป็น ๒ ส่วน จิโร่ ตกลงไปข้างล่าง เธอกลับมาช่วยเขาไว้ จิโร่ โผเข้ากอดเธอ ด้วยความดีใจ ตึก อาคาร บ้านเรือนต่างๆ ถล่มพังทั้งเมือง เธอรีบจูงจิโร่ วิ่งหนีไป พร้อมกับคอยคุ้มกัน ปัดเศษซากตึก ที่จะตกใส่เขาด้วย เธออุ้มจิโร่ วิ่งต่อไป แล้วเธอก็เหวี่ยงเขาออกไป ก่อนที่เธอ จะถูกรถบรรทุกชนจนติดผนังตึก แต่เธอก็รอดออกมาได้ เธอจับสัญญาณสั่นสะเทือนได้อีก จึงผลักจิโร่ออกไปไกลๆ ก่อนที่เธอจะถูก ตึกถล่มทับ แผ่นดินยังไหวต่อเนื่องไม่หยุด จิโร่ ตกลงไปในรอยแยกขนาดใหญ่ ของพื้นถนน เขาคว้าแท่งเหล็ก ที่ยื่นออกมาจากคอนกรีต ไว้ได้ทัน เธอถูกซากตึกทับไว้ครึ่งตัว เธอจึงออกแรงดึงตัวเองออกมา จนขาดกลางลำตัว แล้วเธอก็คลานไปช่วย ดึงจิโร่ขึ้นมาได้

     เมื่อ จิโร่ เห็นร่างของเธอ มีเพียงครึ่งตัว ก็ตกใจมาก เธอบอกให้เขารีบหนีไป แต่จิโร่กลับเข้าไปกอดเธอไว้ และ บอกกับเธอว่า เขาจะไม่ยอมทิ้งเธอไป เธอจึงบอกกับจิโร่ ว่า เธอรู้สึกถึงหัวใจของเขาแล้ว แผ่นดินยังไหวต่อ เธอจึงผลักจิโร่ กระเด็นไปไกล ก่อนที่ตึกจะถล่มลงมาทับเธออีก จิโร่ ได้แต่มองร่างของเธอถูกฝัง เขารู้สึกเสียใจมาก จนกระทั่ง แผ่นดินหยุดไหว จิโร่ จึงพยายามขุดหาเธอ ด้วยมือเปล่า เขาได้เห็นมือของเธอ จึงร้องไห้ แล้วขุดเอาร่างของเธอขึ้นมากอดไว้ พร้อมกับบอกเธอว่า เขาก็รู้สึกถึงหัวใจของเธอเหมือนกัน

     ๖๑ ปีผ่านไป  จิโร่ ได้สร้างเธอขึ้นมาใหม่จนสำเร็จ โดยที่ความทรงจำต่างๆของเธอ ยังคงอยู่ครบ เธอได้อยู่เคียงข้างจิโร่ ร่วมฉลองวันเกิดกับเขา ไปจนถึงวันสุดท้ายในชีวิตของเขา

     ปึ ค.ศ. 2133 หญิงสาวคนหนึ่ง ได้พบหุ่นยนต์ปลดระวาง (Cyborg) ที่มีรูปร่างหน้าตา เหมือนกับเธอทุกอย่าง เธอจึงประมูลซื้อเอาไว้ โดยได้รับของแถม เป็นของขวัญชิ้นเล็กๆ ที่ติดมากับหุ่นยนต์ด้วย แล้วจึงทำการถ่ายทอด ความทรงจำทั้งหมด เข้าสู่สมองของเธอ ทำให้เธออยากพบ ตัวจริงของจิโร่ ในวันเกิดของเธอ เธอได้รับสิทธิ์พิเศษ ย้อนเวลากลับไป วันที่ 22 พ.ย. 2007 เธอจึงได้พบกับจิโร่ เป็นครั้งแรก เธอรู้สึกหลงรักเขาในทันที จึงได้ใช้เวลาเล่นสนุกสนานด้วยกัน ในค่ำคืนนั้น แต่แล้วเธอก็เริ่มรู้สึกเศร้าใจ ที่จะต้องจากเขาไป

     ย้อนกลับมาที่ ปี ค.ศ. 2008 ขณะที่ จิโร่ กำลังกอดเธอ (หุ่นยนต์) ร้องไห้ด้วยความอาลัย อยู่บนกองซากตึก ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย เธอ (มนุษย์) ได้เดินเข้ามาหาเขา เพราะว่า เธอรู้สึกถึงหัวใจของเขา เธอจึงตัดสินใจ เดินทางย้อนเวลากลับมา เพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขา ไปตลอดชีวิต

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย CAP ภาพคมชัด เสียงดีมาก (DTS)

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Valkyrie



แนวหนัง : ชีวิต บู๊ สงคราม (สร้างจากเรื่องจริงของแผนลอบสังหารฮิตเลอร์ครั้งสุดท้าย)

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ปานกลาง ถึง ค่อนข้างยาก

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างปานกลาง (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก นายทหารเยอรมัน ผู้ซึ่งไม่เห็นด้วยกับ การกระทำอันโหดเหี้ยมของฮิตเลอร์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการถูกเครื่องบินโจมตี ที่ ตูนีเซีย แอฟริกาเหนือ ทำให้เขาต้องสูญเสีย มือข้างขวา นิ้วนางกับนิ้วก้อยมือข้างซ้าย และ ดวงตาข้างซ้าย หลังจากได้พักรักษาตัว อยู่ในโรงพยาบาล จนสามารถกลับไปทำงานได้อีก ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก ก็ได้รับการทาบทาม ให้เขาร่วมขบวนการโค่นอำนาจฮิตเลอร์ ในระหว่างการประชุม กลุ่มผู้ต่อต้าน ซึ่งประกอบด้วย นายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน และ นักการเมือง ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก ได้เอ่ยถึงแผนปฏิบัติการ วัลคีรี่

     วัลคีรี่ คือ แผนการใช้ทหารกองหนุน ที่อยู่ล้อมรอบกรุงเบอร์ลิน เพื่อรักษาอำนาจ และ ปกป้องฮิตเลอร์ ในกรณีฉุกเฉิน แต่ผู้มีอำนาจสั่งปฏิบัติการวัลคีรี่ได้ มีเพียงนายพลฟอร์มเท่านั้น นายพลออลบริท จึงได้พาผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก ไปพบนายพลฟอร์ม โดยเสนอตำแหน่ง ผบ.สูงสุดในรัฐบาลใหม่ เพื่อจูงใจให้ยอมร่วมมือ ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก ได้วางแผนแก้ไขวัลคีรี่ เพื่อหลอกใช้ทหารกองหนุน บุกเข้ายึดอำนาจ และ เข้าควบคุมกรุงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศูนย์บัญชาการใหญ่ นายพลเทรสโคว์ ผู้ซึ่งเคยใช้ระเบิด ลอบสังหารฮิตเลอร์ แต่ไม่สำเร็จ ได้มอบอำนาจให้ ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก เป็นผู้นำในแผนการครั้งนี้ นายพลออลบริท ก็ได้หาผู้ช่วยมาให้เขาด้วย

     ต่อมา นายพลฟอร์ม ได้พาผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก เข้าพบฮิตเลอร์ ฮิตเลอร์ได้กล่าว แสดงความชื่นชม ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก ที่เสียสละเพื่อกองทัพ แล้วจึงยอมเซ็นหนังสือ แก้ไขแผนปฏิบัติการ วัลคีรี่ เมื่อแผนการขั้นแรกสำเร็จ กลุ่มผู้ต่อต้านจึงดำเนินการ เตรียมระเบิด ตามแผนการขั้นต่อไป ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก เดินทางไปร่วมประชุมกับฮิตเลอร์ เขาได้วางกระเป๋าระเบิด ไว้ใต้โต๊ะประชุม แต่เมื่อเห็นว่า ผู้นำหน่วยอารักขาฮิตเลอร์ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก จึงรีบโทร.แจ้งนายพลออลบริท นายพลออลบริทจึงสั่งยกเลิก แผนลอบสังหารครั้งนี้


     ในวันที่ 20 ก.ค. 1944 แผนลอบสังหารเริ่มขึ้นอีกครั้ง ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก ได้เดินทางไปร่วมประชุมกับฮิตเลอร์ เขาได้วางกระเป๋าระเบิด ไว้ใต้โต๊ะประชุม แล้วจึงค่อยออกมา รับโทรศัพท์ตามแผน หลังจากนั้น เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถทันที ในเวลานั้น ก็เกิดการระเบิดขึ้น ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก สั่งให้พลขับ พาเขากับผู้ช่วย ออกไปทันที เพื่อไปขึ้นเครื่องบิน นายพลออลบริทได้รับทราบ ข่าวการระเบิด จากนั้นโทรศัพท์ก็ถูกตัดตามแผน เขาจึงไม่แน่ใจว่า ฮิตเลอร์ตายจริงหรือไม่ จึงไม่กล้าสั่งการใดๆต่อ ผู้พันเมิร์ทซ์ ไม่เห็นด้วยกับนายพลออลบริท เขาจึงแอบส่งคำสั่งเตรียมพล ในนามของนายพลออลบริท

     เมื่อ ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก ลงจากเครื่องบิน ก็พบว่า ทุกอย่างเงียบผิดปกติ จึงโทร.ถาม จนรู้ว่า เพิ่งจะทำการสั่งเตรียมพล เขาจึงบอกนายพลออลบริท ว่า ฮิตเลอร์ตายแล้ว ให้นายพลออลบริทสั่งปฏิบัติการ วัลคีรี่ ในนามของนายพลฟอร์มทันที ต่อจากนั้น นายพลออลบริท และ ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก ก็รีบไปพบนายพลฟอร์ม แต่นายพลฟอร์มไม่ยอมทำตามแผน จึงถูกจับกุมตัวเอาไว้ ในเวลาเดียวกัน ทหารกองหนุนก็บุกเข้ายึดกรุงเบอร์ลิน ควบคุมหน่วยอารักขาฮิตเลอร์ไว้ เพราะถูกหลอกให้เข้าใจว่า หน่วยอารักขาฮิตเลอร์ก่อกบฏ

     ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก ได้ส่งคำสั่งให้จับตัว คนสนิทของฮิตเลอร์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคำสั่งให้จับตัว ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อผู้นำทหารกองหนุน ได้รับโทรศัพท์จากฮิตเลอร์ ทำให้รู้ว่า ถูกหลอก จึงรีบสั่งถอนกำลัง และ หันไปจับตัว ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก แทน ฝ่ายหัวหน้าหน่วยกระจายคำสั่ง ก็ตัดสินใจสั่งระงับ การส่งคำสั่งทั้งหมด ที่มาจาก ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก และ ส่งเฉพาะคำสั่ง ที่มาจาก คนสนิทของฮิตเลอร์ เท่านั้น

     ในที่สุด กลุ่มผู้ต่อต้าน ก็ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และ ถูกจับกุม ทหารกองหนุนได้รับคำสั่งให้จับเป็น แต่นายพลฟอร์มกลับสั่งให้ ประหารชีวิต
ทันที โดยการยิงเป้า นายพลออลบริท ผู้พันเมิร์ทซ์ ผู้การ สตอฟเฟนเบอร์ก และ ผู้ช่วยของเขา หลังจากนั้น นายพลฟอร์มก็ถูกประหารชีวิต ก่อนที่เยอรมันจะถูกล้อม ในอีก ๙ เดือนต่อมา ฮิตเลอร์จึงฆ่าตัวตาย

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย Catalyst ภาพคมชัด เสียงดี

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

How to Train Your Dragon



แนวหนัง : การ์ตูน ครอบครัว ตลก ผจญภัย จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างปานกลาง (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     เกาะเบิร์ค เป็นที่อยู่อาศัยของชาวไวกิ้ง ซึ่งมักจะมีฝูงมังกร บินมาขโมยสัตว์เลี้ยงอยู่เป็นประจำ ฮิคคัพ (Hiccup แปลว่า สะอึก) ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างผอมบาง ผิดแผกไปจากชายชาวไวกิ้งคนอื่นๆ เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของ สโต๊ยค์ หัวหน้าเผ่าไวกิ้ง
ฮิคคัพมีหน้าที่เป็นลูกมือของ ก็อบเบอร์ ช่างทำอาวุธ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของสโต๊ยค์ ฮิคคัพนั้นอยากเป็นนักสู้มังกร เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ก็อบเบอร์ไม่อนุญาต เพราะฮิคคัพเป็นตัวป่วน ที่ก่อเรื่องวุ่นวายเป็นประจำ


     คืนนี้ก็เช่นกัน มีมังกรจำนวนมาก หลากหลายพันธุ์ บินมาขโมยสัตว์เลี้ยง ทั้ง มังกรหัวเพลิงเมฆา, มังกรหนาม, มังกร ๒ หัว, มังกรพญาเพลิงพิฆาต ซึ่งสามารถทำให้ร่างลุกเป็นไฟได้ และ มังกรเพลิงนิล ซึ่งว่องไวมาก พ่นลูกไฟไม่เคยพลาดเป้า ไม่มีใครเคยเห็นตัว แต่ในครั้งนี้ ฮิคคัพได้ใช้เครื่องยิง ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเอง ยิงถูกเพลิงนิลจนตกไปไกล แต่เขาก็เกือบจะถูก พญาเพลิงพิฆาตปลิดชีวิต ดีที่สโต๊ยค์มาช่วยเอาไว้ทัน ฮิคคัพจึงถูกพ่อต่อว่า ที่ก่อหายนะทุกครั้งไป แต่เขาก็ยังแอบ หลบหนีเข้าป่า เพื่อตามหาเพลิงนิล ที่ถูกเขายิงตกลงมา


     สโต๊ยค์ เตรียมนำเหล่านักรบ เพื่อที่จะล่องเรือออกไป ตามหารังของมังกร โดยได้ฝากให้ ก็อบเบอร์ช่วยดูแลฮิคคัพ สโต๊ยค์บ่นกับก็อบเบอร์ว่า เขากลุ้มใจที่ฮิคคัพ ไม่เหมือนกับไวกิ้งคนอื่นๆ ก็อบเบอร์บอกว่า เขาควรจะให้โอกาสฮิคคัพบ้าง ฮิคคัพเดินทางเข้าไปในป่าลึก จนได้พบเพลิงนิล ซึ่งถูกเชือกของเขามัดนอนอยู่ เขาตั้งใจจะฆ่าเพลิงนิล เพื่อจะได้เป็นนักสู้มังกร เหมือนกับชาวไวกิ้งคนอื่นๆ แต่เมื่อเขาได้สบตาของมัน เขาก็ทำไม่ลง
เขาจึงตัดเชือกปล่อยมันไป เมื่อฮิคคัพกลับไปถึงบ้าน เขาก็พบพ่อ พ่อบอกให้เขา ฝึกเป็นนักสู้มังกร ฮิคคัพจำใจต้องรับปาก ก่อนที่พ่อจะออกเดินทาง


     เช้าวันรุ่งขึ้น ฮิคคัพ และ เพื่อนๆ ต้องฝึกต่อสู้กับมังกรหนาม ฮิคคัพเกือบจะถูกไฟ
มังกรเผา แต่ก็อบเบอร์ช่วยเอาไว้ได้ทัน หลังจากนั้น ฮิคคัพก็เข้าไปในป่า เพื่อไปแอบดูเพลิงนิล เขารู้สึกแปลกใจ ว่า ทำไมเพลิงนิลยังไม่บินหนีไป ฮิคคัพอ่านหนังสือคู่มือ มีข้อมูลของมังกรแทบทุกสายพันธุ์ ยกเว้นเพลิงนิล วันต่อมา หลังจากเสร็จการฝึกสู้มังกร ฮิคคัพก็เอาปลาไปให้เพลิงนิลกิน เขาจึงได้เห็นว่า ครีบหางของมันขาดไปข้างหนึ่ง ในคืนนั้น ฮิคคัพจึงแอบประดิษฐ์ ครีบหางเทียมสำหรับเพลิงนิล


     ฮิคคัพ แอบไปหาเพลิงนิลทุกวัน จนคุ้นเคยกัน เขาใส่ครีบหางเทียมให้ แล้วขึ้นไปขี่หลังมัน เพลิงนิลจึงสามารถบินได้อีก โดยต้องมีฮิคคัพ คอยควบคุมทิศทางให้ ฮิคคัพได้รู้จักมังกรมากขึ้นเรื่อยๆ เขาได้ใช้ความรู้นั้น ในการฝึกสยบมังกรต่างๆ จนทุกคนประหลาดใจ และ รู้สึกชื่นชม ยกเว้นเพียง แอสทริด หญิงสาวที่เขาแอบหลงรัก แอสทริดต้องการเป็นที่หนึ่งในรุ่น จึงรู้สึกไม่พอใจ ที่ถูกฮิคคัพตัดหน้า เธอเริ่มสงสัยว่า เขาทำได้อย่างไร เมื่อสโต๊ยค์เดินทางกลับมาถึง โดยไม่พบรังมังกร เขาก็ต้องประหลาดใจ ที่เห็นทุกคน ต่างยกย่องฮิคคัพ


     ฮิคคัพ ชนะในการฝึกรอบสุดท้าย แอสทริดยิ่งรู้สึกไม่พอใจ จึงแอบสะกดรอยตามเขาไป จนได้รู้ความลับ ระหว่างฮิคคัพกับเพลิงนิล แอสทริดวิ่งหนีเพลิงนิล ฮิคคัพจึงต้องขี่เพลิงนิล บินไปจับแอสทริดไว้ เขาได้ขอให้เธอ ขึ้นไปนั่งบนหลังเพลิงนิลกับเขา แล้วพาบินผาดโผน ต่อด้วยการชมวิว อันงดงามตระการตา แอสทริดเริ่มรู้สึกประทับใจ



     ในระหว่างบินกลับบ้าน เพลิงนิลได้พบมังกรฝูงใหญ่ กำลังบินออกจากเกาะ จึงต้องบินเข้ากลุ่มไปด้วย จนไปถึงถ้ำในภูเขาขนาดใหญ่ ฮิคคัพกับแอสทริด จึงรู้ว่า ที่นั่นคือ รังของมังกร นั่นเอง มังกรทุกตัวต่างโยน สัตว์ที่จับมาได้ ทิ้งลงไปในหลุมขนาดยักษ์ มีมังกรหนามตัวหนึ่ง บินมาหยุดอยู่เหนือหลุมนั้น แล้วก็มีมังกรขนาดยักษ์ โผล่หัวขึ้นมากินมังกรหนามตัวนั้น ฮิคคัพกับแอสทริด จึงตกใจมาก และ รีบบินหนีออกมา เมื่อกลับถึงเกาะเบิร์ค ฮิคคัพขอให้แอสทริด ช่วยปิดเรื่องที่เห็น ไว้เป็นความลับ เพราะยังไม่อยากให้ เพลิงนิลได้รับอันตราย


     ในวันรุ่งขึ้น ฮิคคัพจะต้องฆ่า มังกรพญาเพลิงพิฆาต ทุกคนเฝ้าดู และ ส่งเสียงเชียร์ แต่เขาไม่ยอมฆ่ามัน ทำให้สโต๊ยค์ไม่พอใจ และ ยังทำให้พญาเพลิงพิฆาตตกใจ จะทำร้ายฮิคคัพ เพลิงนิลรีบบินเข้าไปช่วยไว้ได้ สโต๊ยค์เข้าไปต่อสู้กับเพลิงนิล จนเพลิงนิลเกือบจะฆ่าเขา แต่ฮิคคัพห้ามเอาไว้ ทำให้เพลิงนิลถูกจับ ฮิคคัพจึงบอกพ่อของเขา เรื่องถ้ำมังกร ทำให้สโต๊ยค์ยิ่งโมโหมากขึ้น เพราะคิดว่า ฮิคคัพเข้าข้างมังกร จึงล็อคเพลิงนิลเอาไว้กับเรือ แล้วพา
เหล่านักรบไวกิ้ง ล่องเรือไปจนถึงถ้ำมังกร ฮิคคัพได้ขอให้เพื่อนๆช่วย โดยสอนวิธีทำให้มังกรเชื่อง แล้วจึงสอนวิธีขี่มังกรด้วย



     สโต๊ยค์ นำกองทัพ บุกทำลายถ้ำมังกร มังกรยักษ์จึงออกมาอาละวาด ชาวไวกิ้งเห็นเข้า ต่างก็หวาดกลัว และ วิ่งหนี มังกรยักษ์ได้พ่นไฟ เผาเรือไวกิ้งทั้งหมด สโต๊ยค์กับก็อบเบอร์ จึงวิ่งล่อมังกรยักษ์ไปทางอื่น ทันใดนั้น ฮิคคัพกับเพื่อนๆ ก็ขี่มังกรบินมาช่วย ต่อสู้กับมังกรยักษ์ ในระหว่างที่ ฮิคคัพกำลังหาทาง ปล่อยเพลิงนิลออกจากล็อค มังกรยักษ์ก็ฟาดหางถูกเรือ จนทั้งคู่จมน้ำ ฮิคคัพหมดสติ สโต๊ยค์รีบกระโดดลงไปช่วย พาฮิคคัพขึ้นมาบนฝั่ง แล้วกระโดดลงไปช่วย ปล่อยเพลิงนิลให้เป็นอิสระ ฮิคคัพได้สติกลับคืนมา สโต๊ยค์จึงขอโทษ ที่ไม่ยอมเชื่อเขาตั้งแต่แรก


     ฮิคคัพ ขี่เพลิงนิลบินไปช่วยเพื่อนๆ ต่อสู้กับมังกรยักษ์ แล้วล่อให้มัน บินตามขึ้นฟ้า ฮิคคัพกับเพลิงนิล บินเข้าซ่อนในกลุ่มเมฆดำ แล้วซุ่มโจมตี ด้วยความว่องไว มังกรยักษ์โมโห จึงพ่นไฟไปทั่ว จนถูกครีบหางเทียมของเพลิงนิลไหม้ จากนั้น ฮิคคัพกับเพลิงนิล บินล่อมังกรยักษ์ ให้บินพุ่งตามลงไป พอใกล้จะถึงพื้นดิน ฮิคคัพก็บอกให้เพลิงนิล หันกลับไปพ่นลูกไฟ เข้าไปในปากของมังกรยักษ์ มันจึงถูกไฟเผาไหม้จากภายใน ตกลงไประเบิดบนพื้น แรงระเบิดทำให้ฮิคคัพสลบไป เพลิงนิลใช้ปีกคลุมร่างของฮิคคัพเอาไว้


     เมื่อ ฮิคคัพ ฟื้นขึ้นมา ก็พบว่า เขานอนอยู่ในห้องของตัวเอง เพลิงนิลดีใจ กระโดดบินไปรอบห้อง เมื่อเขาลุกขึ้นนั่ง จึงรู้ว่า ขาซ้ายของเขา กลายเป็นขาเทียมไปเสียแล้ว แต่ฮิคคัพก็ไม่เสียใจ เขาลุกขึ้นหัดเดินทันที  และ เมื่อเปิดประตูห้อง เขาก็ต้องแปลกใจ ที่เห็นมังกรอยู่บนเกาะ เต็มไปหมด สโต๊ยค์ยอมให้ชาวไวกิ้ง เลี้ยงมังกรได้แล้ว ก็อบเบอร์ก็ได้สร้าง ครีบหางเทียมอันใหม่สำหรับเพลิงนิล มามอบให้ฮิคคัพ

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย UNITED ภาพคมชัด (สวยมาก) เสียงดี

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

The Legend of Zu



แนวหนัง (จีน) : บู๊ จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ปานกลาง ถึง ค่อนข้างยาก

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     เขาซูซัน มณฑลเสฉวน เป็นสถานที่ซึ่งอยู่ระหว่าง สวรรค์กับโลกมนุษย์ และ ยังเป็นที่อยู่อาศัยของ บรรดาผู้ที่บำเพ็ญเพียร จนมีพลังพิเศษเหนือคนธรรมดาทั่วไป สำนักง้อไบ๊ ของ นักพรตคิ้วขาว มีลูกศิษย์จำนวนมากมาย ต่างกับ สำนักคุนลุ้น ที่มีเพียงหนึ่งอาจารย์กับหนึ่งศิษย์ เปรียบดังตะวันกับจันทรา เทียนจง ได้รับมอบดาบวงเดือนจากอาจารย์หญิง (ที่เขาแอบหลงรัก) หลังจากนั้นไม่นานนัก เยาฉวน ปีศาจหัวกะโหลก ก็ได้บุกมาทำร้ายอาจารย์หญิง จนเสียชีวิต เทียนจง พยายามไล่ตามปีศาจไป แต่ก็ไม่ทัน เขาได้แต่เสียใจ ที่ไม่สามารถช่วยอาจารย์หญิงไว้ได้

     ๒๐๐ ปี ผ่านไป เยาฉวน ได้กลับมาอีกครั้ง ด้วยพลังที่แก่กล้าขึ้นอีกมากมาย เฉินจื่อ ศิษย์คนโตของนักพรตคิ้วขาว ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ให้ไปช่วยคุ้มกัน กองทัพของคนธรรมดา ที่อยู่เบื้องล่าง เทียนจง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเฉินจื่อ ก็ได้มาช่วยอีกแรง เยาฉวนจึงได้สร้างร่างเงา ที่ดูเหมือนกับเทียนจง และ เฉินจื่อ เพื่อให้มาต่อสู้กับพวกเขา เมื่อทั้งคู่ทำร้ายร่างเงา ก็เท่ากับทำร้ายตนเอง จนบาดเจ็บทั้งคู่ เยาฉวนยังได้ท้านักพรตคิ้วขาว ให้ออกมาสู้กันด้วย นักพรตคิ้วขาวใช้คันฉ่องประกายฟ้า ปราบเยาฉวน และ ตรึงร่างเอาไว้ พร้อมทั้งส่งเสียงเรียก เทียนจงกับเฉินจื่อ ทำให้ร่างเงาหายไป
เฉินจื่อรีบเหาะขึ้นไป ซัดมีดบินออกจากปีก กระหน่ำใส่เยาฉวน เยาฉวนได้โอกาส อาศัยเลือดของตน เกาะมีดบินหนีไป

     นักพรตคิ้วขาว สั่งให้ศิษย์ทุกคนเหาะตามไป ซึ่งเทียนจงก็ตามไปด้วย เมื่อ อิงฉี ศิษย์เอกหญิง ของนักพรตคิ้วขาว ได้เห็นเทียนจง ก็มีความรู้สึกแปลกๆ ราวกับจะระลึกชาติได้ เทียนจงก็รู้สึกว่า อิงฉีเหมือนกับอาจารย์ของเขา เยาฉวนได้หลบเข้าไปใน อุโมงค์โลหิต เพื่อสะสมพลังเพิ่ม เทียนจงกับเฉินจื่อ เหาะตามเข้าไป แต่ก็ถูกดูดพลัง นักพรตคิ้วขาวรีบตามเข้าไป ช่วยทั้งสองคนออกมาได้ทัน ก่อนที่ปากอุโมงค์จะปิด แต่ก็ต้องสูญเสียคันฉ่องประกายฟ้าไป นักพรตฯจึงสั่งให้เฉินจื่อ เฝ้าปากถ้ำเอาไว้ แล้วพาศิษย์คนอื่นๆกลับสำนัก

     อิงฉี ต้องฝึกใช้กระบี่เทียน รวมพลังเข้ากับกระบี่เหลย ของศิษย์พี่ แต่ระหว่างการฝึก ศิษย์ผู้พี่เกิดลังเล ทำให้ตนเองต้องเสียชีวิต และ อิงฉีก็ตัวร้อนเป็นไฟ ตกลงไปในแม่น้ำ เทียนจงมาเห็นเข้าพอดี จึงรีบเข้าไปช่วยอุ้มไว้ ดาบวงเดือนมาช่วยคลายความร้อนให้ ราวกับว่า อิงฉีเคยเป็นเจ้าของดาบมาก่อน นักพรตคิ้วขาวจึงบอกกับเทียนจง ว่า อิงฉี ก็คือ อาจารย์ของเขาเมื่อ ๒๐๐ ปีก่อน นั่นเอง นักพรตฯได้ช่วยสร้างร่างใหม่ขึ้น จากดวงจิตของนาง และ ในตอนนี้ นักพรตฯก็จะต้อง เดินทางไปยังอีกโลกหนึ่ง เพื่อนำอาวุธ พลังจักรวาล มาให้ใช้ปราบเยาฉวน แต่นักพรตฯก็จะไม่สามารถ กลับมาโลกนี้ได้อีก นักพรตฯจึงแต่งตั้งให้ เทียนจงเป็นเจ้าสำนักง้อไบ๊แทน ก่อนไป นักพรตฯยังได้สร้างร่างใหม่ จากดวงจิตของศิษย์ผู้ใช้กระบี่เหลย โดยตั้งชื่อให้ใหม่ ว่า เทียนหลง และ ได้ทิ้งดวงจิตส่วนหนึ่งของตนไว้ในสำนัก


     เฉินจื่อ ถูกปีศาจตัวจิ๋ว หลอกทำตัวให้ดูน่าสงสาร แล้วฉวยโอกาสเข้าสิงร่างของเขา ส่วนเทียนจง ก็ต้องการใช้กระบี่เหลย เพื่อปราบเยาฉวน จึงยอมเดินเข้าตำหนักลบความทรงจำ จนตัวร้อนเป็นไฟ ไหม้ไปทั่วร่างกาย ตกลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง และ เสียชีวิต อิงฉีพยายามเรียกดาบวงเดือนมาช่วย แต่ก็ไม่สามารถทำได้ อิงฉีรู้สึกเสียใจมาก และ ได้ระเบิดหินภูเขาส่วนหนึ่ง กลบร่างของเทียนจงเอาไว้

     ในขณะที่ บรรดาศิษย์ง้อไบ๊กำลังชุมนุมกันอยู่ ร่างของเฉินจื่อก็ตกลงมากลางวง แล้วก็มีปีศาจหลายตัว แยกออกมาจากร่างนั้น และ ไล่ฆ่าศิษย์ง้อไบ๊ เป็นจำนวนมาก สักครู่หนึ่ง อิงฉีก็มาถึง จึงจัดการใช้กระบี่เทียน ฆ่าปีศาจได้เกือบทั้งหมด แล้วจึงเข้าไปดูร่างของเฉินจื่อใกล้ๆ ทำให้อิงฉีถูกดูดวิญญาณ และ นำร่างไป นอกจากนั้น ปีศาจในร่างของเฉินจื่อ ยังได้ทำลายสำนักง้อไบ๊อีกด้วย ทำให้ดวงจิตของนักพรตฯ ตกลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง เทียนหลงซึ่งเพิ่งได้กระบี่เหลยมา ได้ตวัดกระบี่ไปเฉี่ยว ดวงจิตของนักพรตฯ จนกระเด็นไปถูกมือของเทียนจง ทำให้เทียนจงฟื้นคืนชีพขึ้นมา

     ทันใดนั้น ก็มีแสงสีน้ำเงิน ปรากฏอยู่บนท้องฟ้า เป็นสัญญาณจากนักพรตฯ ที่ได้ส่งอาวุธพลังจักรวาลมาให้ เทียนจงจึงรีบเหาะไปรับ ในเวลาเดียวกัน เหยาฉวนได้ทำให้เมฆโลหิต ขยายแผ่กว้างออกไปบนท้องฟ้า เทียนจงกับเทียนหลง ต้องถอดจิตออกจากร่าง เพื่อเข้าไปช่วยอิงฉี ในอุโมงค์โลหิต เทียนจงได้ต่อสู้กับเฉินจื่อ อย่างดุเดือด จนสามารถช่วยดวงจิตของอิงฉี ให้เข้าร่างได้ แล้วจึงบอกให้ เทียนหลงพาอิงฉีออกไป เฉินจื่อจึงใช้คันฉ่องประกายฟ้า ต่อสู้กับ พลังจักรวาลของเทียนจง ส่วนเยาฉวนก็กำลังชิงร่างของ เทียนจงกับเทียนหลง แต่เทียนหลงกลับไปเข้าร่างทันพอดี จิตของเทียนจงจึงเริ่มอ่อนแรง

     อิงฉีกับเทียนหลง จึงรีบประสาน กระบี่เทียนกับกระบี่เหลย เข้าด้วยกัน กลายเป็นอาวุธใหม่ ที่มีอานุภาพร้ายแรง ทำลายร่างของเยาฉวนได้ แต่เยาฉวนมีดวงจิตถึง ๙,๙๙๙ ดวง จึงสามารถคืนร่างได้อีก ๙,๙๙๘ ครั้ง อิงฉีกับเทียนหลง จึงต้องทำลายเมฆโลหิตทีละส่วน เพื่อไม่ให้ดวงจิตของเยาฉวนมีที่เกาะ ทางด้านเทียนจง ก็ได้ดาบวงเดือนมาช่วยไว้ จึงสามารถใช้พลังจักรวาล จนสามารถจับปีศาจ ที่สิงดวงจิตของเฉินจื่อได้ เฉินจื่อได้ขอให้เทียนจง ฆ่าเขาไปพร้อมๆกับปีศาจ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกสิงอีก เทียนจงจึงจำใจต้องทำตามคำขอ หลังจากนั้น ก็รีบเหาะไปเข้าร่าง ที่อยู่ในเมฆโลหิต แล้วทำลายเมฆโลหิตจนหมดสิ้น อิงฉีรีบเข้ายึดร่างของเยาฉวนไว้ เพื่อไม่ให้หนีไปได้อีก เทียนจงจึงจำใจต้องทำลาย ไปพร้อมๆกันทั้งคู่

     เขาซูซัน จึงกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง ในขณะที่ เทียนจงกำลังโศกเศร้า หลวงจีนได้บอกให้เขา ใช้ดวงจิตของอิงฉี สร้างร่างขึ้นมาใหม่ เหมือนกับที่ นักพรตคิ้วขาวเคยทำมาก่อน แล้วใช้กระบี่เหลย ออกตามหากระบี่เทียน และ รอวันที่อิงฉีจะเติบโตขึ้นมาใหม่

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย EVS ภาพคมชัด เสียงดี

วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Arthur and The Revenge of Maltazard



แนวหนัง (ภาค ๒) : กึ่งการ์ตูน ครอบครัว ตลก ผจญภัย จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างปานกลาง (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     เช้าวันหนึ่ง ชนเผ่ามินิมอยส์ (ตัวเล็กจิ๋ว เหมือนภูติตัวเล็กๆ) กำลังวุ่นวายอยู่กับ การเก็บเกี่ยวอาหาร (ผลไม้) ในสวนอันกว้างใหญ่ มีผึ้งตัวหนึ่งบินออกไปจากสวน ไปหาน้ำผึ้งในจาน ที่วางอยู่หน้าบ้าน ซึ่งพ่อของอาเธอร์ วางล่อไว้ พ่อของอาเธอร์จึงใช้แก้วน้ำ วางครอบขังผึ้งไว้ แล้วเดินเข้าบ้าน เพื่อไปหายาฆ่าแมลง สุนัขของอาเธอร์เห็นอย่างนั้น จึงรีบวิ่งเข้าไปในสวนป่า

     อาเธอร์ กำลังอยู่ในพิธีมอบเหรียญ ของชนเผ่าโบโก (คนผิวดำ ตัวสูงมาก) เพราะอาเธอร์สามารถผ่านด่านทดสอบได้ทั้ง ๓ ด่าน ด่านแรก อาเธอร์ต้องยืนกอดต้นไม้นาน ๘ ชั่วโมง จนสามารถหลอกนกให้มาเกาะ เพราะเข้าใจว่า เขาเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้ ด่านที่ ๒ อาเธอร์ต้องนั่งข้างก้อนหินนาน จนสามารถหลอกสัตว์อื่น ให้เข้าใจว่า เขาเป็นส่วนหนึ่งของก้อนหิน และ ด่านสุดท้าย อาเธอร์ต้องใช้ชีวิตเหมือนสัตว์ป่า โดยการกินหญ้าเหมือนกวาง และ นอนอยู่กับหมี อย่างกลมกลืน เมื่อเสร็จพิธี สุนัขของอาเธอร์ก็วิ่งไปถึง แล้วเห่าเรียก ให้อาเธอร์ตามกลับไปที่บ้าน อาเธอร์จึงสามารถช่วย ปล่อยผึ้งได้ทันเวลา

     ต่อมา พ่อของอาเธอร์ได้ตามผึ้งไปจนถึงรัง และ หยิบก้อนหินเพื่อที่จะขว้างรังผึ้ง แต่ชนเผ่าโบโกมาห้ามไว้ เมื่อพ่อของอาเธอร์กลับเข้าบ้าน ตาของอาเธอร์ก็ได้กล่าวตักเตือน ไม่ให้ทำร้ายสัตว์ แมลง และ ต้นไม้ พ่อของอาเธอร์จึงไม่พอใจ และ บอกอาเธอร์กับแม่ ว่า จะต้องไปจากที่นี่ในคืนนี้ อาเธอร์ยังไม่อยากไป เพราะคืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญเดือนสิบ ที่เขารอคอยมานาน เพื่อจะได้พบกับ เจ้าหญิงเซลีเนีย อีกครั้ง แต่อาเธอร์กับแม่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจพ่อได้ หลังจากเก็บของเสร็จ มีแมงมุมตัวหนึ่งส่งเมล็ดข้าวให้อาเธอร์ บนเมล็ดข้าวมีข้อความว่า ช่วยด้วย (Help) อาเธอร์ได้บอกเรื่องนี้ให้ตารู้ ก่อนจะขึ้นรถไปกับพ่อ และ แม่ ตาบอกว่า ปกติมินิมอยส์จะใช้ใบไม้ ในการส่งข้อความ

     หลังจากออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง แม่ของอาเธอร์ต้องการเข้าห้องน้ำ จึงต้องแวะปั๊มน้ำมัน สักครู่ สุนัขของอาเธอร์ก็วิ่งตามมาทัน อาเธอร์จึงให้สุนัขนอนที่เบาะหลัง แล้วห่มผ้าคลุมไว้ เพื่อหลอกพ่อกับแม่ ว่า เขายังอยู่ในรถ แล้วค่อยแอบหนีกลับไปหาตา เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน มีเมฆลอยมาบังดวงจันทร์ ทำให้อาเธอร์ไม่สามารถ เข้าสู่เมืองของมินิมอยส์ได้ ชนเผ่าโบโกจึงต้องช่วย ให้อาเธอร์เข้าเส้นทางฉุกเฉิน โดยการใช้เชือกรัดตัวเขา หยดน้ำยาลงบนศรีษะ แล้วออกแรงดึงเชือกให้รัดแน่น จนอาเธอร์ตัวเล็กลง อาเธอร์ส่งเสียงร้อง ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส แต่ในที่สุด เขาก็สามารถผ่านเข้าเส้นทางฉุกเฉินไปได้



     อาเธอร์  กลายร่างเป็นมินิมอยอีกครั้ง และ ได้ตกลงไปในคลับของ เพื่อนเก่า ที่เคยให้ที่หลบซ่อนในครั้งก่อน เพื่อนเก่าจึงช่วย พาเขาไปส่งในเมือง ที่นั่น อาเธอร์ได้เห็นว่า ทุกสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไปมาก และ ยังพบว่า เบต้าเมซกำลังถูกจับขัง ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนเก่า อาเธอร์จึงช่วยเบต้าเมซออกมาได้ อาเธอร์กับเบต้าเมซ ต้องหนีการตามล่า ผจญภัยต่างๆนานา จนมาเจอแมงมุมยักษ์ แต่เบต้าเมซเคยได้ฝึก การควบคุมแมงมุมมาก่อน ทั้งคู่จึงขี่แมงมุม กลับถึงเมืองของมินิมอยส์ได้ในที่สุด

     เมื่อได้พบพระราชา อาเธอร์ก็ได้เล่า เรื่องข้อความบนเมล็ดข้าวให้ฟัง พระราชาบอกเขาว่า มินิมอยส์ส่งข้อความ ด้วยใบไม้เท่านั้น จากนั้น ก็มีงานเลี้ยงต้อนรับ การกลับมาของอาเธอร์ ที่ชาวมินิมอยส์เฝ้ารอมานาน โดยเฉพาะเจ้าหญิงเซลีเนีย แต่เพราะอาเธอร์มาถึงช้ากว่ากำหนด ทำให้เซลีเนียผิดหวัง และ เสียใจ จึงเดินออกจากเมือง ไปตามลำพัง อาเธอร์จึงหาเซลีเนียไม่พบ จนกระทั่ง เซลีเนียกลับมารอที่ประตูเมือง แต่เมื่อเปิดประตูออก ก็พบว่า เซลีเนียถูก มัลธาซาร์ (จอมมาร M) จับตัวไว้ และ ผู้ที่เขียนข้อความ บนเมล็ดข้าว ก็คือ มัลธาซาร์ นั่นเอง

     หลังจากที่ เมืองของมัลธาซาร์ถูกน้ำท่วม (ในตอนจบของภาคแรก) มัลธาซาร์ได้ขึ้นไปหลบซ่อน อยู่ในบ้านของอาเธอร์ และ เฝ้าแอบดูพฤติกรรมต่างๆ ของทุกคนในบ้าน ทำให้มัลธาซาร์คิดอยากมีร่างกาย ที่ใหญ่โตเหมือนมนุษย์ เพื่อจะได้ครองโลก จึงได้คิดวางแผน ให้อาเธอร์หาทางกลับลงมา สู่เมืองของมินิมอยส์ แล้วมัลธาซาร์ก็จะได้ ใช้เส้นทางที่เปิดอยู่ กลับขึ้นไปมี
ร่างกายขนาดใหญ่แทน แต่ก่อนที่มัลธาซาร์จะได้กลับขึ้นไป อาเธอร์ก็สามารถช่วยเซลีเนียไว้ได้ มัลธาซาร์ถูกดีดกระเด็นขึ้นไป ทำให้ตกลงไปในสวนป่า และ ยังมีร่างกาย ที่ใหญ่โตกว่ามนุษย์เล็กน้อย บรรดาสัตว์ป่าที่ได้เห็น ต่างก็ตกใจกลัว วิ่ง และ บินหนี อย่างแตกตื่น

หมายเหตุ : หนังทิ้งท้ายเอาไว้ต่อ ภาค ๓ (ปีหน้า)

หนัง
แผ่น : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย MVD ภาพคมชัด เสียงดี