วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe



แนวหนัง (ภาค ๑) : ผจญภัย จินตนาการ

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างค่อนข้างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     ในสมัยสงครามโลก ครอบครัวพีเว็นซี่ ต้องคอยหลบเครื่องบินทิ้งระเบิด เหมือนกับครอบครัวอื่นๆในลอนดอน ผู้เป็นแม่จึงได้ส่งลูกๆทั้ง ๔ คน ประกอบด้วย ปีเตอร์ ซูซาน เอ๊ดมันด์ และ ลูซี่ ขึ้นรถไฟไปสู่ชนบท เพื่ออาศัยอยู่กับ ศจ.เคิร์ก โดยมีแม่บ้านเจ้าระเบียบ มารับที่สถานีรถไฟ ในวันรุ่งขึ้น ขณะที่ เด็กๆกำลังเล่นซ่อนหากันอยู่ ลูซี่ น้องสาวคนเล็ก ก็ได้พบห้องที่โล่งว่าง มีเพียงตู้เสื้อผ้าที่สวยสะดุดตา อยู่ท้ายห้อง ลูซี่ จึงเข้าไปแอบในตู้ ในขณะที่ เธอค่อยๆเดินถอยหลัง เพื่อจะเข้าไปซ่อน ให้ลึกยิ่งขึ้น ลูซี่ ก็ชนเข้ากับต้นไม้ เมื่อเธอหันหลังไปมอง ก็พบว่า เธอได้อยู่นอกห้อง ในสถานที่กว้างใหญ่ ท่ามกลางต้นไม้ และ หิมะขาวโพลน

     ลูซี่ เดินไปจนถึงเสาไฟต้นหนึ่ง แล้วเธอก็ตกใจ วิ่งเข้าไปหลบหลังเสาไฟ เพราะเธอเห็นอะไรบางอย่าง วิ่งผ่านไป ลูซี่ เห็นคนหลบอยู่หลังต้นไม้ เธอจึงก้าวออกมาดู แล้วพูดคุยทักทายกัน ชายผู้มีร่างกายท่อนล่าง เหมือนแพะ บอกกับลูซี่ ว่า เขาคือ ฟอน ชื่อ ทัมนัส อาศัยอยู่ใน นาร์เนีย ดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ ทัมนัส ได้ชวนลูซี่ ไปเที่ยวที่บ้านของเขา ในขณะที่ ลูซี่ กำลังจิบน้ำชา ทัมนัส ก็เป่าขลุ่ยให้ฟัง จนเธอเผลอหลับไป ด้วยมนต์สะกดจากเสียงขลุ่ย พอตื่นขึ้นมา ลูซี่ ก็เห็นทัมนัส กำลังนั่งร้องไห้ เขาบอกว่า เขากำลังจะลักพาตัวเธอ นำไปส่งให้แม่มดขาว เพราะแม่มดสั่งไว้ว่า ถ้าพบมนุษย์เมื่อใด ให้จับตัวไปส่งทันที ลูซี่ บอกทัมนัสว่า เธอคิดว่า เขาเป็นเพื่อนของเธอ เมื่อ ทัมนัส ได้ยินดังนั้น เขาก็เปลี่ยนใจ รีบพาลูซี่กลับไปส่ง ยังที่เดิมที่พบกัน ก่อนจากกัน ลูซี่ ได้มอบผ้าเช็ดหน้า ให้ทัมนัสไว้ซับน้ำตา

     ลูซี่ กลับออกมาจากตู้ แล้วรีบวิ่งไปหาพี่ๆ เธอได้เล่าให้พวกเขาฟัง เรื่องที่เธอไปพบมา พี่ๆจึงมาสำรวจตู้เสื้อผ้า แต่ก็ไม่พบอะไร นอกจากตู้เสื้อผ้าธรรมดา จึงไม่มีใครเชื่อลูซี่ คืนนั้น ลูซี่ นอนไม่หลับ เธอจึงแอบย่อง ไปที่ห้องนั้นอีก เอ๊ดมันด์ เห็นเข้าพอดี จึงแอบตามเธอเข้าไปในตู้ แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ ที่ได้เห็นอย่างที่ลูซี่เล่าไว้ ขณะที่ เอ๊ดมันด์ เดินตามหาลูซี่อยู่นั้น เขาก็ได้พบกับแม่มดขาว ผู้เรียกตัวเองว่า ราชินี แม่มด เสกเครื่องดื่ม และ ขนม ให้เอ๊ดมันด์ เอ๊ดมันด์ ก็ได้เล่าเรื่องพี่น้องของเขา และ เรื่องที่ลูซี่พบฟอน ทัมนัส ให้แม่มดฟัง แม่มด จึงหลอกให้เขารับปาก ว่า จะพาพี่น้องทั้งหมดมาพบเธอ แล้วเขาก็จะได้ กินขนมแสนอร่อยอีก เขาจึงรับปาก


     หลังจาก แม่มด จากไป ลูซี่ ก็มาพบเอ๊ดมันด์ ทั้งคู่จึงกลับไปด้วยกัน ลูซี่ รีบไปบอกพี่ๆอีกครั้ง โดยหวังว่า เอ๊ดมันด์ จะช่วยพูดให้พี่ๆเชื่อ แต่ เอ๊ดมันด์ กลับบอกว่า ลูซี่ แกล้งคิดเล่นๆไปเอง เธอจึงเสียใจมาก วันรุ่งขึ้น ในขณะเล่นเบสบอล ในสนามหญ้า ลูกเบสบอลกระเด็นไป ถูกกระจกแตก ข้าวของหล่นเสียหาย แม่บ้านจึงส่งเสียงมาแต่ไกล ทั้งสี่คนต้องรีบวิ่งหาที่ซ่อน ลูซี่ พาพี่ๆเข้าไปซ่อน ในตู้เสื้อผ้า ทั้งสี่คนถอยเข้าไป จนล้มลงบนหิมะ ปีเตอร์กับซูซาน จึงรู้ว่า ลูซี่ พูดความจริง ปีเตอร์ จึงบังคับให้เอ๊ดมันด์ ขอโทษลูซี่ และ ยอมให้ลูซี่ พาไปหาทัมนัส

     เมื่อถึงบ้านของทัมนัส ทุกคนต้องแปลกใจ ที่ประตูบ้านถูกพัง ในบ้านมีใบประกาศจับทัมนัส ด้วยเหตุผลว่า เขาช่วยเหลือมนุษย์ ซูซาน ได้ยินเสียงนกเหมือนร้องเรียก ทุกคนจึงออกมาดู จนได้พบกับ บีเวอร์พูดได้ บีเวอร์ ได้มอบผ้าเช็ดหน้าให้ลูซี่ เธอจำได้ว่า เป็นผืนที่เธอให้ทัมนัส บีเวอร์ บอกว่า ทัมนัสฝากให้ลูซี่ ก่อนที่เขาจะถูกจับ แล้วบีเวอร์ก็พาทุกคนไปยังบ้านที่เขื่อนไม้ บีเวอร์ ได้เล่าเรื่อง อัสลาน ราชาสูงสุดแห่งนาร์เนีย ซึ่งกำลังเตรียมกองทัพ ให้พวกเขาทั้งสี่คน และ ยังเล่าเรื่องคำทำนาย ว่า บุตรแห่งอดัม ๒ คน และ ธิดาแห่งอีฟ ๒ คน จะเป็นผู้นำกองทัพ ปลดปล่อยนาร์เนีย ให้เป็นอิสระจากแม่มด ปีเตอร์ และ ซูซาน ไม่เชื่อ จึงจะกลับ แต่ก็พบว่า เอ๊ดมันด์ ได้หายตัวไป บีเวอร์ รู้ว่า เอ๊ดมันด์ไปไหน จึงพาทั้งสามคนตามไป แต่ เอ๊ดมันด์ ก็เดินเข้าปราสาทแม่มดไปแล้ว บีเวอร์ จึงห้ามทุกคน ไม่ให้ตามเข้าไป เพราะจะทำให้ ถูกแม่มดฆ่าตายกันหมด เพื่อไม่ให้คำทำนายเป็นจริง บีเวอร์ บอกว่า อัสลานเท่านั้น ที่จะช่วยได้ ปีเตอร์ จึงบอกให้บีเวอร์ พาพวกเขาไปหาอัสลาน

     แม่มดขาว โกรธมากที่ เอ๊ดมันด์ ไม่ได้พาพี่น้องมาด้วย ดังที่เขาเคยรับปากไว้ จึงสั่งขังเอ๊ดมันด์เอาไว้ และ สั่งฝูงหมาป่า ให้ออกตามล่าอีกสามคนพี่น้อง บีเวอร์ รีบพาทั้งสามคนหนี ไปทางอุโมงค์ใต้ดิน จนได้พบกับหมาจิ้งจอก ซึ่งได้ช่วยรับหน้า และ หลอกให้ฝูงหมาป่า ไปทางอื่น เอ๊ดมันด์ ถูกล่ามโซ่ อยู่ใกล้ๆกับทัมนัส ทั้งคู่จึงได้คุยกัน เมื่อรู้ว่า ฝูงหมาป่าไม่พบใครเลย แม่มด ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เอ๊ดมันด์ จึงยอมบอกเรื่องที่ อัสลาน กำลังเตรียมกองทัพ แม่มด ก็ได้บอกให้ทัมนัสรู้ว่า ที่เขาถูกจับก็เพราะ ความตะกละของเอ๊ดมันด์ นั่นเอง ก่อนจะสั่งให้ลากทัมนัสออกไป เพื่อสาปให้กลายเป็นหิน แล้วจึงพาเอ๊ดมันด์ นั่งเลื่อนลากออกไป ตามล่าพี่น้องของเขา


     บีเวอร์ พาทั้งสามคนพี่น้อง เดินข้ามทะเลสาปน้ำแข็ง พลันได้ยินเสียงกระดิ่ง จากเลื่อนที่ใช้กวางลาก จึงรีบพากันวิ่งไปหลบซ่อน บีเวอร์ ออกไปดู แล้วจึงกลับมา เรียกให้ทุกคนออกจากที่ซ่อน เพื่อไปพบกับซานตาคลอส ซานตาคลอส ได้มอบน้ำหวาน ที่ทำจากดอกไม้ไฟ ซึ่งหาได้ยากมาก ใช้หยดเพื่อ รักษาอาการบาดเจ็บ ได้ทุกชนิด และ มีดสั้น ให้ลูซี่ มอบธนู และ แตรงาช้าง ให้ซูซาน มอบดาบ และ โล่ห์ ให้ปีเตอร์ ก่อนจะจากไป ซานตาคลอส ยังบอกว่า ฤดูหนาวกำลังจะหมดลงแล้ว จากนั้น บีเวอร์ ก็พาทั้งสามคน เดินทางต่อไป จนถึงธารน้ำตก น้ำแข็งเริ่มละลายเร็วขึ้น ทุกคนค่อยๆก้าวเดิน บนแผ่นน้ำแข็ง ทันใดนั้น ฝูงหมาป่าก็ตามมาถึง ปีเตอร์ บอกให้น้องๆ เกาะตัวเขาเอาไว้ แล้วใช้ดาบ ปักลงไปบนพื้นน้ำแข็ง ก่อนที่ น้ำแข็งน้ำตกจะแตก น้ำทะลักซัดท่วมลงมา ทุกคนจึงรอดจากฝูงหมาป่ามาได้ แล้วจึงเดินทางต่อ

     เมื่อไปถึงที่ตั้งมั่นของ กองทัพของอัสลาน จึงได้พบว่า อัสลาน คือ สิงโตขนาดใหญ่ ที่ดูโดดเด่น งามสง่า อัสลาน ได้ถามถึงเอ๊ดมันด์ ปีเตอร์ จึงขอร้องให้อัสลานช่วย อัสลาน รับปากว่าจะช่วย และ บอกกับปีเตอร์ ว่า เขาจะต้องเป็นกษัตริย์ และ เป็นผู้นำกองทัพ ปลดปล่อยชาวนาร์เนีย ระหว่างที่ ซูซานกับลูซี่ กำลังเล่นสาดน้ำกันอยู่ ที่ลำธาร หมาป่าก็ตามมาถึง ซูซาน จึงเป่าแตร ปีเตอร์ รีบวิ่งไปช่วย และ ได้ใช้ดาบแทงหมาป่า ที่กระโดดเข้าใส่ จนตาย หมาป่าตัวอื่นๆ จึงรีบวิ่งหนีกลับไป อัสลาน จึงสั่งให้ เซ็นทอร์ (คนครึ่งม้า) นำกำลังส่วนหนึ่ง ตามไปช่วยเอ๊ดมันด์ เมื่อช่วยเอ๊ดมันด์มาได้ ทั้งสี่คนพี่น้อง จึงได้ฝึกการใช้อาวุธ เพื่อเตรียมสู้กับกองทัพของแม่มด

     แม่มดขาว เดินทางมาพบอัสลาน เพื่อทวงถามสิทธิ์ในเลือดของผู้ทรยศ (เอ๊ดมันด์) ตามจารีตโบราณ เอ๊ดมันด์ จะต้องตายบนโต๊ะศิลา อัสลาน จึงเรียกแม่มด ให้เข้าไปคุยกันตามลำพัง เมื่อ แม่มด กลับออกมา อัสลาน ก็ประกาศว่า แม่มด จะไม่ทวงเลือดของเอ๊ดมันด์แล้ว ส่วนแม่มดก็ยอมจากไป ในคืนเดียวกันนั้น ลูซี่ นอนไม่หลับ เมื่อเห็นเงาของอัสลาน เดินผ่านไป จึงปลุกซูซาน แล้วแอบเดินตาม ไปด้วยกัน อัสลาน จึงเรียกให้ออกมา และ อนุญาตให้เดินไปด้วยกัน ระยะหนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไปเพียงลำพัง อัสลาน เดินไปถึงโต๊ะศิลา แม่มดกับลูกสมุน ได้รออยู่แล้ว ลูซี่กับซูซาน เฝ้าแอบดูอยู่ห่างๆ จึงได้เห็น อัสลาน ยอมให้แม่มด ใช้มีดแทงจนตาย บนโต๊ะศิลา


     เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ลูซี่กับซูซาน เดินเข้าไปดูศพของอัสลาน ทั้งคู่ร้องไห้ และ กอดศพของอัสลาน มีหนูหลายตัวมาแทะเชือก ที่มัดตัวอัสลานไว้ จนขาด ลูซี่ ได้ส่งข่าวนี้ ผ่านทางนางไม้ ไปบอกให้ ปีเตอร์ และ คนอื่นๆได้รู้ ปีเตอร์ จึงจำเป็นต้องสั่งเตรียมทัพ แม่มด ก็นำกองทัพมาปะทะ ต่อสู้กัน ในขณะที่ ลูซี่กับซูซาน กำลังจะกลับ พื้นก็สั่นสะเทือน โต๊ะศิลาแตกหัก อัสลาน ฟื้นชีวิตกลับคืนมา ลูซี่กับซูซาน ดีใจมาก อัสลาน ได้อธิบายว่า แม่มด ไม่รู้ความหมายของตัวหนังสือ ที่จารึกไว้รอบโต๊ะศิลา ว่า ผู้ที่เสียสละชีวิตเพื่อผู้อื่น บนโต๊ะศิลานี้ จะได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง จากนั้น อัสลาน ก็บอกให้ลูซี่กับซูซาน ขึ้นขี่หลัง แล้วพากันไปยัง ปราสาทของแม่มด เพื่อช่วยถอนคำสาป ให้ผู้ที่ถูกแม่มดสาป ให้กลายเป็นหิน รวมทั้งทัมนัสด้วย

     เมื่อกองทัพของปีเตอร์ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ปีเตอร์ จึงสั่งถอยทัพ แม่มด ก็ตามมาติดๆ ปีเตอร์ บอกให้เอ๊ดมันด์หนีไป แต่ เอ๊ดมันด์ ไม่ยอมหนี และ ยังกระโดดเข้าไป ใช้ดาบทำลาย คทาของแม่มด ทำให้แม่มด ไม่สามารถสาปใคร ให้กลายเป็นหินได้อีก แต่ เอ๊ดมันด์ ก็ถูกแม่มด ใช้ดาบแทงจนล้มลง ปีเตอร์ จึงเข้าต่อสู้กับแม่มด แต่ ปีเตอร์ ก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทันใดนั้นเอง อัสลาน ก็มาถึง พร้อมกับกองทัพเสริม แล้ว อัสลาน ก็กระโจนใส่แม่มด สังหารแม่มดได้ อย่างง่ายดาย หลังจากนั้น ปีเตอร์ ซูซาน และ ลูซี่ ก็รีบวิ่งไปดู อาการของเอ๊ดมันด์ ลูซี่ ได้หยดน้ำหวานจากดอกไม้ไฟ ใส่ปากของเอ๊ดมันด์ ทำให้เอ๊ดมันด์หายเป็นปกติ แล้ว ลูซี่ จึงค่อยวิ่งไปช่วย รักษาคนอื่นๆต่อ

     อัสลาน ได้แต่งตั้งให้ทั้งสี่คน เป็นราชา และ ราชินี แห่งนาร์เนีย ก่อนจะจากไป ทั้งสี่คนพี่น้อง ได้ปกครองนาร์เนีย อย่างสงบสุข จนทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่ แล้วในวันหนึ่ง ขณะที่ ทั้งสี่คน กำลังขี่ม้าด้วยกัน ก็ได้พบเสาไฟ ที่รู้สึกคุ้นตา ลูซี่ จึงนำพาพี่ๆ เดินไปตามทางที่คุ้นเคย จนเข้าไปในตู้เสื้อผ้า และ ได้ออกมา กลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง แม้ ลูซี่ จะพยายามเปิดตู้อีก แต่ก็ไม่สามารถ กลับสู่นาร์เนียได้แล้ว

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ภาพคมชัด เสียงดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น