วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

The Book of Eli



แนวหนัง : บู๊ ๑๘+ (ดุเดือด โหด) ชีวิต ผจญภัย

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ปานกลาง ถึง ค่อนข้างยาก

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างละเอียด (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     เป็นเวลา ๓๐ ปี หลังเกิดสงครามล้างโลก ที่ อีไล ออกเดินทางด้วยเท้า มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก ในยุคนั้น อาหาร น้ำ เสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่หาได้ยาก คนที่รอดชีวิตมาจากสงครามฯ ก็เหลือจำนวนน้อยเต็มที แสงแดดก็แผดจ้าเกินกว่าที่ใคร จะอยู่กลางแจ้งโดยไม่ใส่แว่นตาดำได้

     อีไล ได้พบกับหญิง(แกล้ง)ตาบอดคนหนึ่ง ส่งเสียงร้อง ขอความช่วยเหลืออยู่ริมถนน เขาหยุดเดินแล้วหันไปรอบๆ แล้วค่อยตะโกนออกมาว่า เขาได้กลิ่นตัวคนที่แอบซ่อนอยู่ ทันใดนั้น ก็มีชาย ๖ คน เปิดเผยตัวออกมาจากที่ซ่อน ด้วยความแปลกใจว่า อยู่ห่างกันตั้ง ๓๐ ฟุต ยังได้กลิ่นอีก คนเหล่านั้นเป็นโจร ที่ต้องการปล้นอีไล แต่ช่วงเวลาแค่เพียงอึดใจ อีไล ก็สามารถฆ่าชายทั้ง ๖ คนได้ ด้วยดาบเล่มเดียว หญิง(แกล้ง)ตาบอดจึงสารภาพว่า คนเหล่านั้นเป็นมนุษย์กินคน

     อีไล เดินทางต่อไปยังทิศตะวันตก แม้ระหว่างทาง เขาต้องพบการปล้นฆ่ากันหลายครั้ง เขาก็พยายามหลีกเลี่ยง ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย จนกระทั่ง มาถึงเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของ คาร์เนกี้ ชายอีกคนที่รอดชีวิตมาจากสงครามฯ และ กำลังตามหาหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ อีไล เข้าไปในบาร์ของคาร์เนกี้ เพื่อขอซื้อน้ำดื่ม ระหว่างรอหญิงสาวชื่อ โซลาร่า ไปเอาน้ำมาให้ ลูกสมุนคนหนึ่งของคาร์เนกี้ เดินเข้ามาหาเรื่องกับอีไล เมื่ออีไลไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงเกิดการต่อสู้กัน ช่วงเวลาแค่เพียงอึดใจ เขาก็สามารถฆ่าลูกสมุนของคาร์เนกี้ ที่รายล้อมอยู่ทั้งหมดได้ คาร์เนกี้ซึ่งเห็นเหตุการณ์จากชั้นบน เรียกอีไลขึ้นไปคุย เพราะต้องการจ้างเขาไปเป็นลูกน้อง แต่เขาปฏิเสธ คาร์เนกี้จึงบอกให้เขาอยู่ค้างคืน เพื่อให้ใช้เวลาไตร่ตรอง โดยมีคนเฝ้าอยู่หน้าห้อง

     ระหว่างที่ อีไล นั่งพักอยู่ในห้อง ก็มีหญิงตาบอด(จริง)นำอาหาร และ น้ำดื่ม มาให้
หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย หญิงตาบอดซึ่งเป็นภรรยาของคาร์เนกี้ กลับไปบอกคาร์เนกี้ว่า อีไล คงไม่ยอมเปลี่ยนใจแน่ คาร์เนกี้จึงสั่งให้ โซลาร่า ลูกสาวของหญิงตาบอด ไปนอนกับอีไล แต่อีไลปฏิเสธ โซลาร่าจึงบอกว่า ถ้าเธอออกไปจากห้องตอนนี้ แม่ของเธอจะถูกทำร้าย อีไลจึงยอมให้อยู่ในห้อง ทั้งสองคนนั่งคุยกัน โซลาร่าเห็นหนังสือของอีไล จึงขอดู แม้เธอจะอ่านหนังสือไม่ออก อีไลไม่ยอมให้ดู แต่กลับชวนโซลาร่ากินอาหารด้วยกัน โดยอีไลได้สวดมนต์ก่อนกินอาหารด้วย

     เช้าวันรุ่งขึ้น โซลาร่าเข้าไปหาแม่ และ ท่องบทสวดก่อนอาหาร ที่จำมาจากอีไล คาร์เนกี้ได้ยินเข้า จึงลงมือทำร้ายภรรยา เพื่อบังคับให้โซลาร่าบอกลักษณะหนังสือของอีไล อีไลรีบแอบหนีออกไป แต่คาร์เนกี้กับลูกน้องดักรออยู่กลางถนน หวังปล้นหนังสือของอีไล คาร์เนกี้คิดว่า ข้อความในหนังสือ ที่เขาตามหามานานนั้น สามารถดึงผู้คนมากมาย มาก้มหัวให้เขาได้ เมื่ออีไลไม่ยอมให้ จึงกระหน่ำยิงปืนใส่กัน อีไลยิงถูกขาขวาของคาร์เนกี้ และ ฆ่าลูกน้องของคาร์เนกี้ไปอีกหลายคน แต่อีไลกลับไม่เป็นอะไรเลย ราวกับว่า มีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น คอยคุ้มครองเขาอยู่ เขาจึงได้โอกาสหนีไป


     โซลาร่า รีบตามอีไลไปจนทัน และ ขอติดตามไปด้วย เพราะแม่บอกว่า จะปลอดภัยกว่าอยู่กับคาร์เนกี้ โดยโซลาร่าบอกอีไลว่า จะพาไปหาแหล่งน้ำ เมื่อไปถึงถ้ำแหล่งน้ำ อีไลปิดประตูขังโซลาร่าเอาไว้ ให้รอคนอื่นมาเปิด แล้วออกเดินทางต่อไป ในขณะเดียวกัน คาร์เนกี้ก็กำลังออกตามล่าอีไลอยู่ เมื่อโซลาร่าออกมาจากถ้ำแหล่งน้ำได้ ก็รีบตามไปหาอีไล จนมาเจอหญิง(แกล้ง)ตาบอด คนเดียวกับที่อีไลเคยเจอ เมื่อเห็นว่าโซลาร่าเป็นผู้หญิง จึงบอกให้รีบไปไกลๆ แต่ยังไม่ทันไร ก็มีชาย ๒ คน เข้ามาจับตัวโซลาร่าไป หมายจะข่มขืน ทันใดนั้น ทั้ง ๒ คน ก็ถูกยิงตายด้วยธนู อีไลย้อนกลับมาช่วยโซลาร่าไว้ แล้วจึงเดินทางต่อไปด้วยกัน

     ในคืนเดียวกันนั้น โซลาร่าได้ขอให้อีไล อ่านหนังสือให้เธอฟังบ้าง อีไลท่องบางส่วนของหนังสือให้ฟัง แล้วยังบอกอีกว่า หนังสือของอีไลนั้น มีเพียงเล่มเดียวในโลกเท่านั้น เพราะเล่มอื่นๆได้ถูกเผาทิ้งไปหมดแล้ว หลังสิ้นสุดสงครามล้างโลก ๑ ปี มนุษย์ที่เคยหลบภัยอยู่ใต้ดิน เริ่มกลับขึ้นมาบนพื้นดิน ในตอนนั้น อีไลได้ยินเสียงอยู่ในหัว บอกให้นำหนังสือเล่มนี้ไปยังทิศตะวันตก เขาจึงได้ออกเดินทางมาเป็นเวลา ๓๐ ปี หลังจบการสนทนาไม่นานนัก โซลาร่าเห็นอีไลนั่งหลับ จึงแอบย่องเข้าไป หมายจะหยิบหนังสือ แต่อีไลก็ห้ามไว้ได้ทัน และ บอกว่า เขาไม่ได้หลับ

     เช้าวันใหม่ อีไลกับโซลาร่า รีบออกเดินทางต่อ จนไปพบบ้านไม้หลังหนึ่ง จึงเดินเข้าไปดู แต่พอจะเปิดประตู พื้นที่ยืนอยู่ก็เปิดออก ทั้งคู่ตกลงไปในหลุม ชายชรากับหญิงชราเจ้าของบ้าน เปิดประตูออกมาดู เมื่อเห็นว่ามีผู้หญิงมาด้วย จึงเชิญให้เข้าไปในบ้าน พร้อมทั้งต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ไม่นานนัก อีไลก็มองออกว่า เจ้าของบ้านเป็นมนุษย์กินคน จึงใช้ปืนขู่เพื่อที่จะรีบหนีออกไป

     แต่เมื่ออีไลเปิดประตูออก ก็ต้องเปลี่ยนใจทันที เพราะคาร์เนกี้กับลูกน้อง ได้ตามมาถึงหน้าบ้านแล้ว ทั้ง ๔ คนในบ้าน จึงต้องช่วยกันสู้รบกับฝ่ายคาร์เนกี้ ทั้งปืนทั้งระเบิดถูกใช้ในการต่อสู้ครั้งนี้ แม้จะฆ่าลูกน้องของคาร์เนกี้ได้หลายคน แต่ในที่สุด ชายชรากับหญิงชราก็ถูกฆ่าตาย อีไลกับโซลาร่าถูกจับ คาร์เนกี้พูดขู่อีไลว่า ถ้าไม่มอบหนังสือมาให้ ก็จะฆ่าโซลาร่าเสีย อีไลจึงยอมบอกที่ซ่อนหนังสือ เมื่อคาร์เนกี้ได้หนังสือแล้ว ก็ยิงอีไลเข้าที่ท้อง จนหมดสติไป แล้วพาโซลาร่าขึ้นรถกลับไป

     ในระหว่างเดินทางกลับ ในรถคันสุดท้าย โซลาร่าใช้เชือกรัดคอคนขับรถ ทำให้รถพลิกคว่ำ รถที่อยู่ข้างหน้า ๒ คัน จึงกลับรถย้อนมา โซลาร่าจึงโยนระเบิดใส่รถอีกคัน แล้วรีบขโมยรถขับหนีไป คาร์เนกี้เหลือรถคันเดียว กับลูกน้องคนเดียว แถมยังมีน้ำมันเหลือไม่มาก จึงต้องหยุดตามล่าโซลาร่า แล้วกลับเมืองไป โซลาร่ารีบกลับไปดูอีไล พบอีไลเดินช้าๆอยู่ริมถนน จึงช่วยทำแผลเท่าที่ทำได้ และ รับเขาขึ้นรถ เพื่อเดินทางต่อไปยังทิศตะวันตก

     อีไล บอกโซลาร่าว่า เขาได้กลิ่นทะเล หลังจากนั้นไม่นาน ก็มาถึงสะพานขาด ทั้งคู่จึงลงเรือที่จอดทิ้งไว้ แล้วผลัดกันพายออกไปยังเกาะที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า เมื่อถึงเกาะซึ่งมีอาคารตั้งอยู่ อีไลบอกกับคนถือปืนที่เฝ้ายามอยู่ว่า เขามีคัมภีร์ไบเบิ้ลมาด้วย ยามจึงยอมให้เข้าไปพบกับ ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น คาร์เนกี้ให้ช่างเปิดกุญแจ ที่ล็อกหนังสืออยู่ จนได้รู้ว่า หนังสือของอีไล ถูกพิมพ์ด้วยอักษรเบลล์ สำหรับคนตาบอด คาร์เนกี้จึงต้องผิดหวังอย่างรุนแรง เขาเรียกภรรยาตาบอดมา เพื่ออ่านให้เขาฟัง หลังจากได้สัมผัสหน้าหนังสือ เธอยิ้มพร้อมกับบอกว่า จำอักษรเบลล์ไม่ได้ เพราะไม่ได้อ่านหนังสือมานานมากแล้ว เธอยังบอกอีกว่า เธอได้กลิ่นแผลที่ขาของเขากำลังเน่า ลูกน้องซึ่งเหลือเพียงแค่คนเดียว ก็ไม่สามารถควบคุมใครได้อีกต่อไป คาร์เนกี้หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว

     อีไล บอกให้ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ จดข้อความตามที่เขาบอกทุกตัวอักษร อีไลสามารถท่องทุกคำในคัมภีร์ไบเบิ้ลได้ เมื่อข้อความในหนังสือถูกถ่ายทอดออกไปจนหมด อีไลก็สิ้นใจลงอย่างสงบ คัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับตัวอักษรปกติ จึงได้ถูกพิมพ์ขึ้นเป็นเล่มแรก ในรอบ ๓๐ ปี ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ได้เสนอให้โซลาร่าอยู่ต่อ แต่โซลาร่าตัดสินใจที่จะเดินทางกลับบ้าน โดยได้เอาสิ่งของที่เคยเป็นของอีไล ติดตัวไปด้วย

จุดสังเกตุ : ตอนท้ายเรื่อง ขณะที่อีไลเริ่มท่องคัมภีร์ไบเบิ้ล กล้องซูมเข้าไปที่ดวงตาของอีไล เหมือนกับจะบอกว่า อีไล เป็นคนตาบอด นั่นคือเหตุผลที่ อีไล สามารถได้กลิ่น และ เสียงที่อยู่ไกล มากกว่าคนทั่วไป

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย MVD ภาพคมชัด เสียงดี แต่สำหรับเครื่องเล่นบางรุ่น อาจต้องใส่แผ่นหลายรอบจึงจะเล่นได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น