วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Next



แนวหนัง : จินตนาการ วิทยาศาตร์ บู๊ ตื่นเต้น

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ค่อนข้างง่าย ถึง ปานกลาง

บรรยายเนื้อเรื่อง : พิเศษ (บทสนทนา) - อยากเห็นอนาคตมั้ย? (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

พี่พัน – อยากเห็นอนาคตมั้ย

น้องแอม – อยากสิ พี่พันจะดูดวงให้เค้าเหรอ แหม...ไปหัดดูดวงมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

พี่พัน – เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น พี่แค่ถามดูเล่นๆ ว่า ถ้า แอม มีความสามารถพิเศษ เห็นอนาคตของตัวเองได้ แอม จะอยากเห็นมั้ย ก็พอดี พี่เพิ่งดูหนังเรื่อง Next มา พระเอกในเรื่อง เขามีความสามารถพิเศษ เห็นอนาคตของตัวเองล่วงหน้าได้ไม่เกิน ๒ นาทีน่ะ พี่ดูแล้วชอบ ก็เลยได้คิดเรื่องคำถามนี้ขึ้นมาไง

น้องแอม – โถ่...รู้อนาคตล่วงหน้าแค่ ๒ นาทีเนี่ยนะ รู้แล้วจะไปทำอะไรได้ เอ...แล้วหนังเรื่อง Next นี่เนื้อเรื่องมันเป็นยังไงเหรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ

พี่พัน – อ๋อ...เรื่องมันมีอยู่ว่า...

     พระเอกของเรื่องชื่อ คริส เป็นนักมายากล ที่ใช้ความสามารถในการเห็นอนาคต ร่วมกับการแสดงกลด้วย เช่น เขาทายว่า สร้อยคอของสุภาพสตรีคนหนึ่ง ที่กำลังชมมายากลอยู่ กำลังจะร่วงหล่น ลงไปอยู่ในแก้วแชมเปญ สักครู่...พอเขานับ ๑ ถึง ๓ มันก็เกิดขึ้นจริงๆ

     ด้วยเหตุนี้ ความสามารถพิเศษของ คริส ที่เขาปกปิดคนอื่น ว่าเป็นเพียงมายากลเท่านั้น ก็ยังถูกสงสัยและจับตามอง โดยเจ้าหน้าที่FBIสาวสวยนามว่า แคลลี่ เพราะเธอเชื่อว่า คริส เห็นอนาคตได้จริง เธอจึงหวังที่จะใช้ให้เขา ช่วยบอกเธอว่า อาวุธนิวเคลียร์ที่ถูกขโมยไป จะถูกใช้ที่ไหน เมื่อ ไหร่ ก่อนที่จะต้องมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก

น้องแอม – อ้าว! ไหนพี่บอกว่า พระเอกเห็นอนาคตล่วงหน้าแค่ ๒ นาทีไง

พี่พัน – น่า...อย่าเพิ่งขัดสิจ๊ะ ฟังต่อให้จบก่อน แล้วก็จะรู้เองแหละ

     เมื่อ แคลลี่ ส่งคนตามรอย คริส จนได้รู้ว่า เขาได้ร่วมเดินทางไปกับ ลิซ และได้แวะพักค้างคืนกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แคลลี่ จึงวางแผนหลอกให้ ลิซ หลงเชื่อว่า คริส เป็นคนร้ายที่กำลังหลบหนีคดี จนยอมตกลงร่วมมือวางยาสลบ คริส โดยมีเงื่อนไขว่า ลิซ จะต้องใส่ยาสลบลงในน้ำให้ คริส ดื่ม ภายใน ๒ นาที เพื่อไม่ให้ คริส รู้ล่วงหน้า ในขณะเดียวกันนั้น ฝ่ายผู้ก่อการร้ายที่ขโมยอาวุธนิวเคลียร์ไป ก็กำลังวางแผนคอยซุ่มลอบสังหาร คริส อยู่ด้วย

     แต่...เมื่อถึงเวลาที่ คริส กำลังจะดื่มน้ำแก้วนั้น ลิซ ก็เปลี่ยนใจ บอกความจริงทั้งหมดกับ คริส เพราะว่า เธอได้หลงรัก คริส เข้าแล้ว เมื่อรู้อย่างนั้น คริส จึงวางแผนซ้อนแผน เพราะฝ่ายFBIรู้เพียงแค่ว่า คริส มองเห็นอนาคตล่วงหน้า ได้ไม่เกิน ๒ นาที แต่ยังไม่รู้ว่า ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ลิซ ด้วย เขาสามารถเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ไกลกว่านั้น โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

     ดังนั้น คริส จึงสามารถรอดชีวิต จากการลอบสังหาร ของผู้ก่อการร้าย และยังเกือบจะหลบหนีจากทีมFBIของ แคลลี่ ไปได้ ถ้าไม่ใช่เพราะ แคลลี่ ยอมเสี่ยงชีวิตจน คริส จำเป็นต้องช่วยชีวิตของ แคลลี่ เอาไว้ นั่นจึงทำให้ คริส ถูกFBIจับตัวไปเข้าห้องทดลอง และยังทำให้ คริส ได้เห็นอนาคตข้างหน้า ว่า ลิซ จะต้องถูกผู้ก่อการร้ายจับตัวไป เพื่อล่อให้เขาออกมา และ ลิซ ก็จะต้องตายในที่สุด

     เมื่อได้รู้เช่นนั้น คริส จึงต้องจำใจ ยอมร่วมมือกับทีมของ แคลลี่ เพื่อช่วยชีวิตของ ลิซ และหาหนทางยับยั้งแผนการของผู้ก่อการร้าย โดยมี คริส เป็นผู้นำทีม ทำให้เกิดการปะทะ ต่อสู้กันอย่างดุเดือด จน คริส สามารถช่วยชีวิต ลิซ ไว้ได้

     แต่...คริส เพิ่งรู้ตัวว่า เขาทำพลาดไป

     ในนาทีนั้นเอง สิ่งที่ แคลลี่ หวาดกลัวตั้งแต่แรก ก็ได้เกิดขึ้น ระเบิดนิวเคลียร์ได้ระเบิดขึ้นจริงๆ

     ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากมายมหาศาล รวมทั้ง คริส ลิซ และ แคลลี่ ด้วย

     คนเรา ถ้าถึงคราวตาย ใครจะไปหยุดยั้งความตายไว้ได้ล่ะ ถ้าเราไม่เร่งสร้างกรรมดีไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ให้สมกับที่ โชคดีได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วละก็ พอถึงคราวตาย จะมาร้องขอต่อเวลาเพิ่ม ก็ไม่ได้แล้ว ตายไปแล้วจะต้องไปเกิดเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้

     แต่ถ้าเราได้ทำกรรมดี อย่างสม่ำเสมอ แค่เริ่มต้นด้วยการทำดีกับคนรอบข้าง

     ใช้หลักการง่ายๆ ก็คือ เอาใจเขามาใส่ใจ เรา อะไรที่เราไม่อยากให้คนอื่นทำกับเรา เราก็ไม่ควรทำกับเขาอย่างนั้นเช่นกัน ถ้าเราไม่อยากเสียใจ ก็อย่าทำให้คนอื่นเสียใจ คิดก่อนพูดและก่อนทำ ง่ายๆ แค่นี้เอง

     มีคนจำนวนมากที่ชอบใช้อารมณ์นำหน้าเหตุผล พอพูดหรือทำอะไรออกไปตามอารมณ์ แล้วก็ต้องมานั่งทุกข์ใจภายหลัง อย่างที่ คริส ไม่ยอมช่วย แคลลี่ หาระเบิดนิวเคลียร์เสียตั้งแต่แรก เพราะคิดเพียงว่า คงจะช่วยไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ห่วงแต่คนที่ตนรัก แล้วสุดท้าย ก็มารู้ว่า คิดผิด ทำพลาดไป ก็ตอนที่ใกล้จะตาย จะแก้ไขอะไร ก็ไม่ทันเสียแล้ว

น้องแอม – อืม...มันก็จริงอย่างที่พี่พูดนะ แต่หนังเรื่องนี้ก็จบเศร้าเกินไปนะ

พี่พัน – อย่าเพิ่งด่วนสรุปอย่างนั้นสิจ๊ะ พี่ยังไม่ได้บอกเลยว่า หนังเรื่องนี้จบยังไง นี่พี่ยังเล่าไม่จบเลยนะ

น้องแอม – อ้าว! แล้วก็ไม่เล่าให้จบ ปล่อยให้เค้าเศร้าอยู่คนเดียว

พี่พัน – ที่จริงก็เหลืออีกนิดเดียวแหละ นี่พี่กะว่า จะให้ แอม ยืมไปดูตอนจบเอาเองไง แต่เอาเถอะ ไหนๆ ก็เล่ามาถึงขนาดนี้แล้ว พี่เองก็ไม่อยากให้ แอม เศร้าหรอก นี่มันก็เป็นหนังที่เขาแต่งเรื่องขึ้นมา เราไม่ควรจะเก็บมาเป็นอารมณ์นะ แค่สนุกไปกับมันชั่วคราว แล้วเก็บเอาแง่คิดดีๆ นำไปใช้ในชีวิตเราก็พอ งั้นพี่เล่าต่อเลยนะ

     และแล้ว หลังจากเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ หนังก็ตัดภาพกลับไปที่ คริส กำลังนอนลืมตาอยู่บนเตียงนอนในโรงแรม โดยมี ลิซ นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่ แคลลี่ แอบดักรอ ลิซ เพื่อที่จะหลอกให้วางยาสลบ คริส จนถึงการระเบิด เป็นภาพในอนาคตที่ คริส มองเห็นล่วงหน้าไปไกล เพราะเขาได้อยู่กับ ลิซ นั่นเอง

     เมื่อได้เห็นอย่างนั้น คริส จึงตัดสินใจยอมร่วมมือกับ แคลลี่ แต่โดยดี โดยมีเงื่อนไขว่า ไม่ให้ดึง ลิซ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเด็ดขาด... จบแล้วจ้ะ

น้องแอม – งั้น ตกลงนางเอกก็ไม่ได้ถูกจับ และก็ยังไม่มีการระเบิดเกิดขึ้นจริงๆ แล้วก็เลยไม่รู้กันสิว่า พระเอกจะช่วยจับคนร้ายได้ ก่อนระเบิดทำงานมั้ย

พี่พัน – ใช่แล้วน้อง เราไม่มีทางรู้อนาคตได้จริงๆ หรอก เพราะอนาคตอาจเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเหตุปัจจัยในปัจจุบันเปลี่ยนไป แต่พี่คิดว่า คริส อาจจะทำผิดพลาดอีกครั้งก็เป็นได้ เพราะเมื่อไม่มี ลิซ อยู่ด้วย เขาจะเห็นอนาคตล่วงหน้าแค่ ๒ นาที แต่ถ้าเขาให้ ลิซ ไปอยู่ในการอารักขาของFBIกับเขาด้วย นอกจาก ลิซ จะปลอดภัยกว่าแล้ว ยังทำให้เขาเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ไกลขึ้นมาก ซึ่งน่าจะส่งผลดีมากกว่านะ

     ในหนังเรื่องนี้ คริส จะบอกคนดูทั้งตอนต้น และท้ายเรื่อง ว่า ทุกครั้งที่มอง อนาคตจะเปลี่ยน เพราะ คริส ก็จะเปลี่ยนความคิด และการกระทำ ให้ต่างไปจากที่เห็น

     เมื่อเหตุเปลี่ยน ผลก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นมีปริมาณมากแค่ไหน และเป็นไปในทางใด อย่างเช่น

     ถ้าเราเคยทำกรรมที่ไม่ดีไว้ในอดีต เราก็จะต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้นอย่างแน่นอน แต่ถ้าเรารีบทำกรรมดีไว้มากๆ เสียตั้งแต่ตอนนี้ และทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างที่บอกไว้แล้ว ผลแห่งกรรมดี ก็จะช่วยบรรเทาเบาบางเรื่องร้ายๆ ที่อาจเกิดแก่เราได้

     ลองคิดเปรียบเทียบดูอย่างง่ายๆ สมมุติว่า เราเคยทำกรรมไม่ดีไว้ ๑๐ หน่วย และทำกรรมดีไว้ ๑๐ หน่วย ก็เท่ากับเราทำกรรมไม่ดีไว้ถึง ๑๐๐% เมื่อเทียบกับกรรมดี แต่ถ้าเราทำกรรมดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง ๑,๐๐๐ หน่วย โดยงดทำกรรมไม่ดีไปด้วย ก็เท่ากับเราทำกรรมไม่ดีไว้เพียง ๑% เมื่อเทียบกับกรรมดี

     ดังนั้น เพียงแค่เราทำกรรมดีต่อไปเรื่อยๆ ตราบจนถึงลมหายใจสุดท้ายแล้วละก็ เท่านี้ ก็สามารถรับประกันอนาคตของเราได้ว่า จะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ค่าย EVS ภาพคมชัด เสียงดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น