วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Invictus



แนวหนัง : ชีวิต (สร้างจากเรื่องจริงของอดีตประธานาธิบดีแอฟฟริกาใต้ เนลสัน แมนเดล่า)

ระดับความเข้าใจเนื้อเรื่อง : ง่าย ถึง ค่อนข้างง่าย

บรรยายเนื้อเรื่อง : อย่างปานกลาง (คำเตือน - มีการเฉลยตอนสำคัญ)

     เนลสัน แมนเดล่า เพิ่งได้รับการปล่อยตัว หลังจากติดคุกมานานถึง ๒๗ ปี เขาเริ่มทำงานทันที เพื่อยุติการแบ่งแยกสีผิว และ การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย โดยให้ประชาชนผิวดำได้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย เนลสัน ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีแอฟฟริกาใต้ในอีก ๔ ปีถัดมา ในวันแรกของการทำงานที่ทำเนียบประธานาธิบดี เจ้าหน้าที่ผิวขาวทั้งหลายต่างเกรงว่า จะไม่สามารถทำงานร่วมกับคนผิวดำได้ แต่เนลสันได้กล่าวเปิดใจให้ทุกคน ปล่อยอดีตให้ผ่านไป เริ่มต้นด้วยการให้อภัยกัน แล้วหันมาร่วมมือร่วมใจ พัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ผิวดำ และ ผิวขาว สามารถทำงานร่วมกันได้ ไม่เว้นแม้แต่ทีมรักษาความปลอดภัยของเขาเอง

     ในขณะที่ เนลสัน ทำงานอย่างหนักจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน เพื่อแก้ไขปัญหามากมายของประเทศ เขาก็ยังให้ความสนใจกับกีฬารักบี้ ในระหว่างนั่งชมการแข่งขัน ระหว่างทีมชาติแอฟฟริกาใต้ "สปริงบ็อค" กับทีมชาติอังกฤษ เนลสัน ได้สังเกตุเห็นว่า มีแต่คนผิวขาวเท่านั้นที่เชียร์สปริงบ็อค ส่วนคนผิวดำกลับเชียร์ทีมชาติอังกฤษ เพราะสปริงบ็อคเป็นสัญญลักษณ์ของการแบ่งแยกสีผิว เขาจึงคิดที่จะทำให้สปริงบ็อค กลายเป็นทีมชาติที่ทุกคนร่วมกันเชียร์ให้ได้ เริ่มต้นจากการเกลี้ยกล่อมคณะกรรมการกีฬาฯ ไม่ให้เปลี่ยนชื่อ และ สีเขียวทอง ของสปริงบ็อค เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้คนผิวขาวไม่พอใจ ซึ่งขัดต่อนโนบายยุติการแบ่งแยกสีผิวของเขา

     ฟรังซัว เพียแนร์ กัปตันทีมสปริงบ็อค ได้รับคำเชิญให้เดินทางไปเข้าพบประธานาธิบดีที่ทำเนียบฯ เนลสันได้แสดงความห่วงใยต่ออาการบาดเจ็บของฟรังซัว ตั้งแต่นาทีแรกที่พบกัน
เนลสันได้พูดถึงบทกวี "Invictus" ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เขาสมัยที่อยู่ในคุก และ ยังพูดเป็นนัยให้ ฟรังซัว นำทีมสปริงบ็อคเข้าไปถึงการแข่งขันรักบี้เวิร์ลคัพให้ได้ ซึ่งฟรังซัวก็เข้าใจ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยาก จนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม เพราะเท่าที่ผ่านมา สปริงบ็อคก็พ่ายแพ้มาตลอด

     ในระหว่างการฝึกซ้อมอย่างหนักของสปริงบ็อค เนลสัน ได้บอกกับผู้บริหารทีมฯ ให้ลูกทีมทุกคนต้องแบ่งเวลา เพื่อตระเวนไปฝึกสอนเด็กๆผิวดำที่ยากจนให้เล่นรักบี้ด้วย ในตอนแรกลูกทีมผิวขาวทุกคนไม่พอใจ ยกเว้น ฟรังซัว กับ ลูกทีมผิวดำเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เมื่อได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ และ ความสนุกสนานร่าเริงของเด็กๆ ที่ได้เล่นรักบี้กับพวกเขาแล้ว ลูกทีมทุกคนก็เข้าใจ และ ยอมรับหน้าที่นี้แต่โดยดี ซึ่งภาพข่าวที่ออกมา ก็ได้แสดงให้เห็นถึงการไม่แบ่งแยกสีผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้เนลสันรู้สึกพอใจมาก

     ในการแข่งขันกีฬารักบี้ระดับโลก(
เวิร์ลคัพ)ที่เพิ่งจะเริ่มขึ้น สปริงบ็อค เริ่มได้รับเสียงเชียร์จากคนผิวดำด้วย การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ยิ่งสปริงบ็อคได้รับชัยชนะในการแข่งขันรอบแรก และ รอบต่อๆไป ก็ยิ่งทำให้ได้รับเสียงเชียร์เพิ่มขึ้น การแบ่งแยกสีผิวค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่ทีมรักษาความปลอดภัยของเนลสัน ที่เคยจำใจต้องร่วมงานกันระหว่างคนผิวดำ กับ คนผิวขาว ในตอนแรก ก็กลับกลายเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันในที่สุด


     ก่อนที่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะมาถึง นักกีฬาทีมสปริงบ็อคและครอบครัว ได้รับเชิญให้ไปเที่ยวที่เกาะร็อบเบ็น สถานที่ซึ่งเคยเป็นคุกที่กักขังเนลสันไว้ ฟรังซัว ได้เข้าไปยืนอยู่ในห้องขังที่เนลสันเคยอยู่ ทำให้เขารู้สึกทึ่ง และ ประหลาดใจว่า เนลสัน สามารถให้อภัยคนที่ทำให้เขาต้องถูกขังอยู่ในห้องแคบๆเกือบ ๓๐ ปี ได้อย่างไรกัน

     เมื่อวันแข่งขันฯมา
ถึง เนลสัน ได้แต่งชุดทีมสปริงบ็อค เดินทักทายกับนักกีฬาทั้งสองทีม รวมทั้งคนดูในสนามด้วย ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น มีเครื่องบินพาณิชย์ลำหนึ่ง บินโฉบลงมาใกล้สนามกีฬา จนทุกคนในสนามสามารถมองเห็นข้อความเชียร์สปริงบ็อค ที่ใต้ปีกเครื่องบิน ทุกคนจึงส่งเสียงเฮกันใหญ่ และ เมื่อการแข่งขันก็เริ่มขึ้น ฟรังซัว ได้ปลุกใจลูกทีมทุกคน ให้เล่นอย่างสุดกำลังฝีมือ แม้ว่าทีมฝั่งตรงข้ามจะเป็นคู่แข่งที่เก่งกาจมากจนน่ากลัวก็ตาม ลูกทีมสปริงบ็อคทุกคน ก็ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียว จนสามารถเอาชนะทีมคู่แข่งได้ในที่สุด

     เนลสัน ได้กล่าวขอบคุณฟรังซัว ที่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ แต่ฟรังซัวได้ตอบกลับไปว่า ท่าน(เนลสัน)ต่างหาก ที่สมควรได้รับคำขอบคุณนั้นจริงๆ บัดนี้ ชาวแอฟริกาใต้ทั่วทั้งประเทศ ได้พร้อมใจกันส่งเสียงร้องด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง การแบ่งแยกสีผิว ที่เคยมีมานานหลายชั่วอายุคน ได้สลายลงไปในทันที

แผ่นหนัง : DVD ลิขสิทธิ์ ค่าย Catalyst ภาพคมชัด เสียงดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น